
ชื่อที่โด่งดังติดปากผู้คน พร้อมๆ กับมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ก็คือ “เขต 8”
ภาพและเรื่องราวที่คนติดตามข่าวสารได้รับรู้ก็คือ เป็นย่านที่ถูกน้ำท่วมหนัก เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ใกล้กับคลองอู่ตะเภา คลองสายหลักของหาดใหญ่ เมื่อกู้ภัยเอกชนและจิตอาสาเข้าไปช่วย ก็มีเสียงปืนดัง ถูกยิงขับไล่ ทำให้กู้ภัยหลายคนถึงกับถอดใจ และบอกลาการเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยที่ “เขต 8”
พื้นที่ย่านนี้จึงกลายเป็น “แดนเถื่อน” ในการรับรู้ของผู้คนที่ติดตามข่าวน้ำท่วมหาดใหญ่ กระทั่งล่าสุดเริ่มมีการพยายามทำความเข้าใจกันในแง่ดีว่า เสียงปืนที่ดังไล่หลังกู้ภัยนั้น อาจจะเป็นการ “ยิงเรียก” ให้รีบมาช่วยก็ได้ ไม่ใช่ “ยิงไล่” เหมือนที่พูดๆ กันในตอนแรก
แต่สมมติฐานนี้ดูจะไม่ค่อยมีใครเชื่อเท่าใดนัก
สอบถามทหาร ตำรวจ และ “คนมีสี” ที่รับผิดชอบพื้นที่หาดใหญ่ และภาคใต้ตอนล่าง ได้รับคำจำกัดความของ “เขต 8” ว่า “เป็นย่านสีเทา” เป็นจุดพักของเถื่อน บุหรี่และสุราหนีภาษี ซึ่งเป็นสินค้ายอดฮิตของหาดใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อน แม้ปัจจุบันจะซบเซาไปเยอะ แต่ก็ยังมีออเดอร์อยู่พอสมควร
ช่วงอุทกภัยมีคนทำคลิปที่เป็นไวรัล ให้ร้าย “เขต 8” ตั้งชื่อว่า “คลิปม้าน้ำตัวเป็นๆ” เพราะมียาบ้าเกลื่อนอยู่ในน้ำที่ท่วมสูง ในย่านเขต 8 จนมีคนเก็บไปขาย ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์มากกว่า
แต่ข้อมูลจาก “คนมีสี” สอดรับกับ “หมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และแกนนำชมรมแพทย์ชนบท ที่ให้คำจำกัดความ “เขต 8” ไว้ระหว่างสัมภาษณ์รายการ “เนชั่นวิเคราะห์ข่าว” ว่า “สลัมในเมือง”
ถือเป็น “คำจำกัดความ” ของ “เขต 8” ที่ทำให้เห็นภาพชัด และไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีหนักเกินไป
สอบถามจาก “คนหาดใหญ่โดยกำเนิด” ทำให้ทราบประวัติของ “เขต 8 หาดใหญ่” ว่า ชุมชนย่านนี้เรียกชื่อ “เขต 8” ตามที่ตั้งขององค์การโทรศัพท์เขต 8 ซึ่งเป็นชุนชนที่อยู่ริมถนนราษฎร์อุทิศ ตัดมาจากอีกด้านหนึ่งของเมืองหาดใหญ่ และเชื่อมเข้าไปยังย่านเศรษฐกิจใจกลางเมือง
ในอดีตมีการตัดถนนมาสุดที่องค์การโทรศัพท์เขต 8 จึงมีชื่อเรียกชุมชนแถบนั้นตามชื่อเขตขององค์การโทรศัพท์
ก่อนที่ความเจริญจะเข้ามาถึง “เขต 8” มีสภาพเป็นทุ่งนา ด้านหนึ่งติดกับ “หาดใหญ่ใน” ซึ่งคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็น “ย่านดาวน์ทาวน์” หรือ “ย่านเศรษฐกิจ” ของหาดใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว “หาดใหญ่ใน” เป็นโซนเกือบจะนอกเมือง เป็นชุมชนพหุวัฒนธรรม ซึ่งมีทั้งพี่น้องพุทธพื้นถิ่น และพี่น้องมุสลิมจากต่างพื้นที่มาอาศัยอยู่รวมกัน
ส่วนย่านธุรกิจจริงๆ ของหาดใหญ่ ต้องผ่านจากองค์การโทรศัพท์เขต 8 ขึ้นไปทางโรงพัก สภ.หาดใหญ่ ข้ามสะพานรถไฟไปอีกฝั่ง จึงจะเป็นตลาดกิมหยง และย่านการค้า “สันติสุข” ซึ่งเคยโด่งดังจากการจำหน่ายสินค้าหนีภาษี และเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อดัง ราคาถูก
ฉะนั้น “เขต 8” จึงเคยเป็น “โซนชานเมือง” ที่เคยเปลี่ยวมาก่อน นักศึกษาต่างถิ่นจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ หรือ ม.อ.หาดใหญ่ จะได้รับการบอกต่อจากรุ่นพี่ว่า อย่าขี่มอเตอร์ไซค์ไปแถวนั้น เพราะเสี่ยงอันตราย มีคดีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อย
“เขต 8” กลายเป็นย่านที่เฟื่องฟูขึ้นมา ในยุคสถานบันเทิงรุ่งเรือง โดยเฉพาะยุคร้านอาหาร คาเฟ่ ครัวเธค และดิสโก้เธค เคยเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงชื่อดังหลายแห่ง มีร้านน้ำชาตั้งทีวีจอยักษ์ให้ดูฟุตบอลต่างประเทศกันแทบจะทั้งคืน เปิดให้เล่นการพนันกันโจ๋งครึ่ม เพราะในอดีตเคยถูกจัดเป็นพื้นที่โซนนิ่งสถานบันเทิงด้วย มีลูกค้าจากมาเลย์และสิงคโปร์เข้ามาเที่ยวเยอะมาก ทำให้เม็ดเงินในธุรกิจบันเทิงย่านนี้สะพัดอย่างยิ่ง
คาเฟ่ดังแห่งหนึ่งเคยมีลูกค้าชาวมาเลย์ แขวนพวงมาลัยติดเงินให้นักร้องคืนหนึ่งเป็นล้านบาท เป็นข่าวโจษขานถึงความรุ่งเรืองในอดีตของ “เขต 8”
ด้วยความที่เป็นโซนสถานบันเทิง ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลจากภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศเข้ามาขุดทองในพื้นที่ “เขต 8” ส่วนมากเข้ามาเพื่อทำงานสถานบันเทิง เพราะหาเงินง่าย แล้วก็ถือโอกาสกินอยู่ ตั้งรกรากกันแถบนี้ ทำให้มีบ้านเช่า ห้องเช่า อพาร์ตเมนต์ผุดขึ้นมากมาย
เมื่อมีสถานบันเทิงยามราตรี สิ่งที่ควบคู่กันก็หนีไม่พ้นยาเสพติดทุกชนิด ทำให้ยานรกแพร่ระบาดอย่างหนักในย่าน “เขต 8” ส่งผลให้ย่านนี้เป็น “ชุมทางสายดาร์ค”
ต่อมาในช่วง 10 ปีมานี้ ถือเป็นยุคตกต่ำของ “เขต 8” เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดี นักท่องเที่ยวชาวมาเลย์และ สิงคโปร์ลดน้อยลง บางส่วนถูกดักตั้งแต่ “ด่านนอก” อำเภอสะเดา ซึ่งอยู่ติดชายแดน และมีสถานบันเทิงใหญ่กว่า ครบวงจรกว่าหาดใหญ่ ส่งผลให้สถานบันเทิงย่าน “เขต 8” ทยอยปิดตัวกันลง ยิ่งเจอสถานการณ์ “ล็อคดาวน์” จากโควิดระบาดเข้าไปอีก ทำให้ “เขต 8” แทบร้าง เหลือร้านรวงอยู่แค่ราว 5-10 % เท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ผู้คนต่างถิ่นที่เคยมาทำงานในสถานบันเทิง บางคนก็ย้ายถิ่นฐานกลับภูมิลำเนา แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ไม่ยอมกลับ เพราะกลายเป็นคนหาดใหญ่ไปแล้ว อาจจะมีแฟน หรือมีภาระผูกพันที่หาดใหญ่ จึงตัดสินใจทำมาหากินต่อไป ทำให้ย่าน “เขต 8” ไม่ใช่พื้นที่อยู่อาศัยของชาวหาดใหญ่ดั้งเดิม กลายเป็นแหล่งพักยา พักสินค้าหนีภาษี และเป็นจุดแวะของคนส่งของผิดกฎหมาย หรือคนหนีคดีที่หลบมากบดานที่หาดใหญ่
จึงไม่แปลกที่พื้นที่นี้จะ “ไม่ธรรมดา” แม้จะมีน้ำท่วมใหญ่ แต่ก็ยังมีเสียงปืนดัง แทนที่จะเป็นเสียงเรียกให้กู้ภัยเข้าไปช่วย
ข้อมูลจากคนหาดใหญ่ เล่าว่า สาเหตุที่มีเสียงปืน ไม่ใช่ยิงขึ้นฟ้าขอความช่วยเหลือ แต่เป็นยิงไล่กู้ภัย ไม่ได้มีสาเหตุจากความเครียด หรือน้ำแรงจากเจ็ตสกีกระแทกบ้าน แต่เป็นการยิงขู่ ยิงไล่ไม่ให้เข้าไปรับคนอพยพหนีน้ำ เนื่องจากกู้ภัยมาช่วยฟรี แต่พวกขาใหญ่ในชุมชนรับส่งครั้งละ 5 หมื่นบาท ทำให้พวกเขาเสียผลประโยชน์
กิจกรรม Big Cleaning Day ฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ในสุดสัปดาห์นี้ หลายคนหวังว่าภาครัฐจะเข้าไป Cleaning เขต 8 ให้สะอาดกว่าเดิม
