พบปลอกกระสุนเอ็ม 16 – ลูกซอง - ปืนพกสั้น รวม 50 ปลอก เกลื่อนที่เกิดเหตุยิงโต๊ะอิหม่ามบ้านน้ำเย็น ขณะที่การสืบสวนยังไม่พบปมขัดแย้งส่วนตัว คาดฝีมือกลุ่มป่วนใต้หวังโยนความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากผู้ตายเป็นที่รักและนับถือของประชาชนในพื้นที่
ความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามลอบยิง ดาบตำรวจ ภูอัด ราเซะมิง อายุ 54 ปี อดีตตำรวจ สภ.ลำใหม่ อำเภอเมืองยะลา จ.ยะลา ซึ่งปัจจุบันเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดมูฮายีรีน ขณะกลับจากละหมาด จนเสียชีวิตบริเวณริมถนนหน้าบ้านของตนเอง ที่บ้านน้ำเย็น หมู่ 2 ต.ลำใหม่ เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันอังคารที่ 29 ต.ค.67 ที่ผ่านมานั้น
เช้าวันพุธที่ 30 ต.ค. ครอบครัวและญาติพี่น้องได้นำร่างของ ดาบตำรวจ ภูอัด ไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ที่กุโบร์บ้านน้ำเย็น โดยมีผู้นำศาสนา ญาติมิตร และประชาชนที่ทราบข่าวเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ส่วนบ้านที่เกิดเหตุก็มีญาติพี่น้อง คนรู้จัก เดินทางไปแสดงความเสียใจและให้กำลังใจกับทางครอบครัวของ ดาบตำรวจ ภูอัด อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.โฆษิต เบญจกุล ผู้กำกับการ สภ.ลำใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำใหม่ เจ้าหน้าที่อีโอดี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าเก็บวัตถุพยานและหลักฐานต่างๆ ที่ตกอยู่ในรอบๆ บริเวณจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งพบปลอกกระสุนเพิ่มเติมอีกหลายปลอก
สรุปมีปลอกกระสุนที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุรวมทั้งหมด 50 ปลอก แยกเป็นปลอกกระสุนปืน ขนาด 11 มม. จำนวน 2 ปลอก, ปลอกกระสุนปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 14 ปลอก, ปลอกกระสุนปืน ขนาด 5.56 จำนวน 33 ปลอก (M 16) และปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก, หัวกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 หัว, หัวกระสุนปืนอื่นๆ จำนวน 5 หัว และหมอนกระสุนปืนลูกของ จำนวน 1 หมอน
เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรตรวจสอบวิถีกระสุน เขม่าดินปืน และขยายผลหาความเชื่อมโยงติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.ยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง โดย ดาบตำรวจ ภูอัด เป็นที่รักและนับถือของชาวบ้านในหมู่บ้าน
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเปิดเผยว่า ดาบตำรวจ ภูอัด อดีตเคยเป็น ตำรวจ สภ.กรงปินัง และ สภ.ลำใหม่ ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย. ปี 65 ได้ลาออกจากราชการตำรวจ เพื่อเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดแทนบิดาที่เสียชีวิต
ทั้งนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีเรื่องความขัดแย้งกับใครในประเด็นส่วนตัว ซึ่งพฤติการณ์ที่ผ่านมาทราบว่าเป็นคนที่สามารถเข้าได้กับชาวบ้านทุกกลุ่มทุกฝ่าย รวมถึงก็มีสัมพันธ์ที่ดีกับทางฝ่ายรัฐ เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ สาเหตุจึงคาดว่าน่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เนื่องจากไม่ไว้ใจผู้ตาย ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ และการก่อเหตุดังกล่าวยังสามารถโยนความผิดว่าฝ่ายรัฐเป็นผู้กระทำ เนื่องจากผู้เสียชีวิตก็เป็นผู้นำศาสนา
@@ ยกฟ้องเลขาฯ The Patani คดีขัดขวาง จนท.ขุดศพ
วันพุธที่ 30 ต.ค.67 ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฟ้อง นายอาร์ฟาน วัฒนะ เลขาธิการ The Patani จากคดีที่ถูกกล่าวหาว่า ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เหตุการณ์ตามฟ้องเกิดขึ้นระหว่างการขุดศพนิรนาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่าเป็นบุคคลที่ทางครอบครัวได้ยืนยันตัวตนไปแล้ว ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และมีการให้ข้อมูลกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อุ้มตัวประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ จึงมีความพยายามไปขุดศพเพื่อนำหลักฐานไปตรวจดีเอ็นเอ แต่มีการขัดขวางจากนายอาร์ฟานและพวก
การขุดศพนิรนามสืบเนื่องจากการหายตัวไปอย่างปริศนาของ นายยาห์รี ดือเลาะ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.65 และวันรุ่งขึ้นมีผู้พบศพชายนิรนามในแม่น้ำสุไหงโก-ลก โดยมี นางนูไรนิง ดือรอแม ภรรยาของ นายยาห์รี ดือเลาะ และญาติยืนยันว่าเป็นศพของนายยาห์รีจริง จึงรับไปทำพิธีทางศาสนาอิสลาม
ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการขุดศพชายนิรนาม เพื่อตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล (DNA) ว่าใช่ศพของ นายยาห์รี ดือเลาะ จริงหรือไม่ แต่ถูกญาติขัดขวางการขุดศพ โดย นายอาร์ฟาน เป็นคนที่ทางครอบครัวประสานเพื่อให้ไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ แต่ถูกกล่าวหาว่าร่วมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ จนถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดี และอัยการมีคำสั่งฟ้องคดี แต่สุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้อง
นายอาร์ฟาน กล่าวว่า วันนั้นได้รับประสานจากครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ไปช่วยเป็นคนกลางเจรจากับเจ้าหน้าที่ที่กำลังจะไปขุดศพ แต่ก็เกิดความเข้าใจผิดกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน จนสุดท้ายตนก็โดนหมายเรียก ตนก็ให้ความร่วมมือมาตลอด ต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชั้นอัยการจนถึงชั้นศาล หลังการพิจารณาคดี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงสะท้อนถึงความบริสุทธิ์ของตน