“ปณิธาน” แนะรัฐบาลเพิ่มมาตรการเข้ม รปภ.พื้นที่ กทม.และจุดสำคัญทั่วประเทศรับขาดอายุความคดีตากใบ พร้อมประกาศแนวทางใหม่ ตั้ง “คณะกรรมการชำระคดี” แทนกระบวนการยุติธรรมที่ไปไม่ถึง ลุยถอดบทเรียน วางมาตรการป้องกันเกิดซ้ำ พร้อมตั้งอนุสรณ์สถาน สร้างความตระหนักแก่สังคม ด้าน “นิพนธ์” ซัดปล่อยตากใบขาดอายุความ กระทบความเชื่อมั่นดับไฟใต้
ใกล้จะครบ 20 ปีของเหตุการณ์ตากใบ และคดีโศกนาฏกรรมใหญ่ไฟใต้กำลังจะขาดอายุความ โดยไร้เงาของผู้ต้องหา / จำเลยในคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
และเรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นการเมือง “รัดคอ” รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะจำเลยที่ 1 ที่ถูกออกหมาย และมีพฤติการณ์หลบหนี ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ก็คือ สส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย จนสุดท้ายต้องลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อลดแรงกดดัน
แต่กระแสวิจารณ์ก็ยังไม่จบสิ้น จนทำให้คดีนี้เขย่าทั้งมิติความมั่นคงชายแดนใต้ และความมั่นคงของรัฐบาลเพื่อไทยไปพร้อมกัน
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดัง และอดีตที่ปรึกษารองนายกฯฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลในอดีต กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นล่าสุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรยกระดับการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่เฉพาะที่ภาคใต้ แต่ควรขยายมาที่กรุงเทพฯ และพื้นที่สำคัญอื่นๆ ให้มากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขยายมากขึ้นไปกว่านี้ และเป็นการป้องปรามไปในตัว ไม่ใช่ทำเป็นปกติ เพียงแค่จะรักษาภาพลักษณ์หรือกลัวว่าคนจะตื่นตระหนก
นอกจากนั้น หลังคดีหมดอายุความ รัฐบาลควรจะประกาศแนวทางใหม่ในการชำระสะสางคดีนี้ในทางการเมือง ทดแทนกระบวนการยุติธรรมที่ยุติลง เช่น ตั้งคณะกรรมการชำระคดี (Tribunal) โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันทำงาน ทั้งถอดบทเรียนอย่างจริงจัง ทั้งในพื้นที่ชายแดนใต้ ในมหาวิทยาลัย หน่วยงานความมั่นคง และอื่นๆ โดยจัดตั้งสถาบันศึกษา, อนุสรณ์สถาน และฐานข้อมูลในห้องสมุด (Archive) เพื่อรวบรวมหลักฐานไว้ในการศึกษาและดำเนินคดีในอนาคต หากมีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีก
@@ “นิพนธ์” ออกโรงซัด ตากใบกระทบเชื่อมั่นดับไฟใต้
ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรองหัวหน้าพรรรประชาธปัตย์ที่รับผิดชอบพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ในช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันก็มีบุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องในยุคนั้น ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนายกฯแพทองธาร ซึ่งตัวนายกฯก็เป็นบุตรสาวของอดีตนายกฯทักษิณ
เมื่อคดีกำลังจะขาดอายุความ ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงความจริงใจที่จะแก้ปัญหาและความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรมไทย แม้ศาลจะได้ประทับรับฟ้องคดีไว้แล้วก็ตาม
“การกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของกระบวนการยุติธรรมไทย มีการเลือกปฏิบัติ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เท่าเทียมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบยุติธรรมลดลงอย่างมาก การที่รัฐไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ ย่อมทำให้ความไว้วางใจในรัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมเสื่อมลง และส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะยิ่งยากขึ้นและซับซ้อนมากกว่าเดิม หากประชาชนไม่รู้สึกว่า พวกเขาได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ