คดีตากใบยังไม่จบ! แม้ไร้เงา 7 จำเลย หายตัวพร้อมกันราวกับนัดไว้ ศาลนราธิวาสเลื่อนสอบคำให้การไป 28 ต.ค. แต่ถ้าไม่มีใครมอบตัวหรือถูกจับก่อนหมดอายุความ ศาลจะสั่งคดีสิ้นสุดในวันครบ 20 ปีเหตุการณ์ ด้านทนายโจทก์ - ญาติผู้เสียชีวิต วอนออกมาพิสูจน์ตัวเอง สู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันอังคารที่ 15 ต.ค. 67 นายทรงพล พันธุ์วิชาติกุล พร้อมด้วยองค์คณะผู้พิพากษาศาลจังหวัดนราธิวาส รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 ออกนั่งบัลลังก์ตามที่ศาลนัดสอบคำให้การและติดตามจับกุมจำเลยคดีตากใบ
แต่ผ่านไป 2 ชั่วโมง จำเลยทั้ง 7 คนไม่ปรากฏตัวที่ศาล และยังไม่ปรากฏว่ามีการติดตามจับกุมจำเลยรายใดได้ ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการพิจารณาคดีใหม่ได้
แต่ศาลยังไม่จำหน่ายคดี และนัดพิจารณาคดีเพื่อสอบคำให้การในวันที่ 28 ต.ค.67 โดยระหว่างนี้ จำเลยสามารถมามอบตัว รวมถึงตำรวจยังติดตามจับกุมให้ได้ภายในอายุความ 20 ปีที่จะครบในเที่ยงคืนของวันที่ 25 ต.ค.67 ถ้าหากจำเลยคนใดคนหนึ่งมามอบตัว หรือมีการติดตามจับกุมได้ทันอายุความ ศาลจะพิจารณาในการสอบคำให้การตามขั้นตอนได้ในวันที่ 28 ต.ค.67 (สาเหตุเพราะวันที่ 25 ต.ค.เป็นวันศุกร์ อายุความหมดเที่ยงคืน วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ หยุดราชการ จึงนัดเป็นวันจันทร์ ; อธิบายเพิ่มโดยกองบรรณาธิการ)
โดยศาลจังหวัดนราธิวาส อธิบายเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 28 ต.ค.67 เป็นการนัดประชุมคดี พิจารณาคดี มีคำสั่งและคำพิพากษาในคดีนี้ หลังคดีหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.67 แต่หากระหว่างนี้มีจำเลยมามอบตัว หรือถูกจับกุมได้ ไม่ว่าคนใดคนหนึ่ง ก็จะสามารถเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีได้ แต่หากไม่มีตัวจำเลยในวันที่ 28 ต.ค.67 ศาลก็จะมีคำสั่งต่อคดีนี้เป็นที่สิ้นสุด
ทั้งนี้ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้รายงานหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี จำเลยที่ 1 ที่ออกเมื่อวันที่ 1 ต.ค.67 หลังจากทำหนังสือสอบถามไปยังสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสำนักงานศาลยุติธรรม ได้รับคำยืนยันว่า สส.ไม่ได้รับความคุ้มกันในระหว่างสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ 125 แล้ว ศาลจึงออกหมายจับได้ และเนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่มาตามนัดศาลเมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 โดยไม่อ้างเหตุขัดข้อง และพบว่าได้ลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงมีพฤติการณ์ในการหลบหนี ศาลจึงออกหมายจับ
สำหรับการนัดสอบคำให้การในวันนี้ ศาลจังหวัดนราธิวาส โดยอธิบดีศาลภาค 9 เปิดให้ญาติในฐานะฝ่ายโจทก์ รวมถึงผู้สังเกตุการณ์และสื่อมวลชน เข้ารับฟังในห้องพิจารณาคดี และอนุญาตให้จดบันทึกได้ เพื่อให้สื่อมวลชนได้รายงานข่าวที่ถูกต้อง เพราะเห็นเป็นคดีสำคัญ รวมทั้งได้อนุญาตให้ นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เข้าสังเกตการณ์ด้วย
นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า การติดตามจับกุมจำเลยตามหมายจับ จะติดตามได้หรือไม่ หรือจะมามอบตัวต่อสู้คดี ถือเป็นโอกาสสุดท้าย โอกาสที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วก็พิสูจน์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการครบถ้วน ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร
“แต่วันนี้ไม่มีจำเลยมาศาลเลยสักคน มีแต่เพียงทนายความของจำเลยที่ 8 ที่ 9 ซึ่งเป็นพนักงานอัยการแก้ต่างให้ ได้แถลงต่อศาลว่าไม่ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 8 ที่ 9 ศาลจึงเลื่อนคดีไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือฟังคำสั่งคำพิพากษา ในวันที่ 28 ต.ค.67”
นายรัษฎา กล่าวอีกว่า ศาลสอบถามว่า ทนายโจทก์หรือผู้แทนโจทก์จะแถลงอะไร ศาลจะช่วยบันทึกไว้ให้ มีคำแถลงทนายความฝ่ายโจทก์ที่ร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารสำนวนสอบสวนของ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี จำนวน 4 แฟ้ม ซึ่งเคยส่งไปทางอัยการ แล้วศาลหมายเรียกแล้วแต่ไม่ส่งมา
“เราอยากจะให้สำนวนคดีในชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้ปรากฏไว้ในสำนวนคดีของศาล” ทนายรัษฎา กล่าว
ด้าน นายมูฮัมหมัดซาวาวี อูเซ็ง น้องชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้รับกระจ่าง เกิดข้อสงสัยในกระบวนการ เพราะศาลได้ออกหมายเรียกและออกหมายจับไปแล้ว แต่ ณ เวลานี้ยังจับจำเลยทั้ง 2 สำนวนคดีไม่ได้สักคน
“ผมรู้สึกว่าถ้ายังไม่ดำเนินการแบบนี้ก็รู้สึกหมดศรัทธากับกระบวนการยุติธรรม ถึงแม้ว่าจะมีกระบวนการแต่ได้เห็นและได้ฟังแล้วยังรู้สึกไม่สบายใจ และไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม”
“แล้วยิ่งใกล้จะหมดอายุความแล้ว เลยเกิดคำถามว่า แม้ว่าจะไม่ใช่ฆาตกรเพราะคดียังไม่จบ แต่จำเลยทั้ง 14 คนยังจับมาดำเนินคดีไม่ได้ แล้วเราจะสู้ทางไหนได้อีก เพราะเราในฐานะโจทก์ เป็นญาติผู้เสียชีวิตที่ได้รับความเจ็บปวด ได้รับความเสียหาย แค่ต้องการความยุติธรรม ให้เจ้าหน้าที่มาชี้แจง สู้ในกระบวนการยุติธรรม ผิดหรือไม่ผิดก็มาสู้ในกระบวนการ” นายมูฮัมหมัดซาวารี กล่าว