กลุ่มคนร้ายบุกบ้านอดีตผู้ใหญ่ปะแต อ.ยะหา ปล้นอาวุธปืน เอ็ม 16 ปืนลูกซองและปืนพกสั้นไปรวม 5 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน ฉวยโอกาสตอนเจ้าของบ้านและลูกชายที่เป็น อส.เดินทางไปละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน
เมื่อเวลา 13.10 น.วันที่ 5 เม.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะแต ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายจำนวน 5-7 คนแต่งกายชุดดำปิดบังอำพรางใบหน้าพร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกเข้าไปปล้นอาวุธปืนภายในบ้านนายมาหามะรัมลี ดาหะยอ เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน เลขที่ 65/3 หมู่ 6 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา
โดยคนร้ายปล้นเอาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปจากบ้านของนายมาหามะรัมลี จำนวน 5 กระบอก ประกอบด้วย
1.อาวุธปืนยาวขนาด M 16 A1 จำนวน 1 กระบอก ซองกระสุน จำนวน 3 ซอง และกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 90 นัด
2.อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน
3.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน
จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้ถือโอกาสในขณะที่นายมาหามะรัมลี และ อส.มะสะบรี ดาหะยอ บุตรชาย ซึ่งเป็น อส.อำเภอยะหา เดินทางไปร่วมละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้านห่างจากบ้านพักประมาณ 400 เมตร แล้วจึงนำกำลังเข้าก่อเหตุปล้นในขณะที่ภายในบ้านพักมีเพียงมารดาและน้องสาวของนายมาหามะรัมลี อยู่ในบ้าน
คนร้ายได้เข้าไปทำลายตู้ที่เก็บอาวุธปืน แล้วนำอาวุธปืนที่อยู่ภายในตู้ไปจำนวน 5 กระบอกและเครื่องกระสุนอีกหลายรายการ หลังก่อเหตุเสร็จกลุ่มคนร้ายได้หลบหนีไปทางหลังบ้านพัก ซึ่งเป็นช่องทางธรรมชาติ มุ่งหน้าไปในทิศทาง บ้านเตียง หมู่ 7 ต.บาโระ อ.ยะหา จ.ยะลา
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลัง เข้าปิดพื้นที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง ติดตามไล่ล่าจับกุมคนร้าย เพื่อเอาอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปกลับคืนมา
พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวยืนยันว่า เหตุคนร้ายปล้นอาวุธปืนในพื้นที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา คนร้ายได้อาวุธปืนปั้งหมด 5 กระบอก เป็น ปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซอง 2 กระบอก และปืนพกสั้น 2 กระบอก ซึ่งเชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจพิสูจน์หาพยานหลักฐานที่จะนำไปสู่การติดตามไล่ล่าคนร้ายต่อไป
@@ เปิดตำนานปล้นปืน...ประวัติศาสตร์บาดแผล
สำหรับการปล้นอาวุธปืน โดยเฉพาะอาวุธสงคราม ถือเป็นสถานการณ์ความมั่นคงที่เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลหนึ่งของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืน 413 กระบอก จากค่ายปิเหล็ง หรือ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 เพราะถือเป็นปฐมบทของไฟใต้รอบปัจจุบัน บางคนเรียกว่า “วันเสียงปืนแตก”
เพราะนับจากวันนั้น สถานการณ์ในพื้นที่ก็เต็มไปด้วยความไม่สงบ และเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 20 ปี
ประเด็นที่น่าสังเกตก็คือ ก่อนเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืนล็อตใหญ่ที่สุด 413 กระบอก ได้มีเหตุการณ์ที่คล้ายเป็นสัญญาณเตือน ก็คือ มีการปล้นอาวุธปืนย่อยๆ เกิดขึ้นถึง 8 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการปล้นจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และปล้นจากเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง
ยิ่งไปกว่านั้น หลังเหตุการณ์ปล้นปืนครั้่งใหญ่ 4 ม.ค.2547 ยังมีการปล้นปืนย่อยๆ ตามมาอีกหลายครั้ง ตามยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “ปืนของรัฐ คือปืนของเรา” จนฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลในยุคนั้น สงสัยว่ามีการสมยอมกันเพื่อให้เกิดการปล้นปืน และถ่ายเทปืนของรัฐ ไปเป็นของกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่
ทำให้มีการคาดโทษเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ที่ถูกปล้นชิงอาวุธปืน จะต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และเรื่องนี้เองที่กลายเป็นจุดกำเนิดของเหตุการณ์ตากใบ เมื่อ 25 ต.ค.2547 ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 85 ราย เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลอีกเรื่องหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยจุดเริ่มต้นมาจากการชุมนุมประท้วงให้ปล่อยตัว ชรบ. 6 คนที่ถูกจับกุม เนื่องจากถูกกลุ่มคนร้ายบุกปล้นปืน แต่กลับถูกรัฐดำเนินคดี