เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์ซากคาร์บอมบ์ เพื่อนตำรวจเผย “รองสารวัตรเหยื่อบึ้ม” พบพิรุธของคนร้ายขณะขับมาจอด เรียกแล้วไม่หัน ก่อนถูกอานุภาพระเบิดทำเสียชีวิต นายกฯสั่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเร่งเยียวยา ยกระดับ รปภ.พื้นที่ ขณะที่แม่ทัพสั่งรื้อข้อมูลรถแจ้งหายตั้งแต่ปี 60 แจกจ่ายทุกด่านตรวจ
ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์นราธิวาส ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันพุธที่ 23 พ.ย.65 พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบช.ภ.9) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนราธิวาส ได้เดินทางไปยังแฟลตตำรวจที่เป็นจุดเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส ที่ได้นำเครื่องไม้เครื่องมือรวมถึงรถ JCB รถยก มาช่วยกันขนย้ายซากรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดไปไว้ที่บริเวณ สภ.เมืองนราธิวาส รวมทั้งได้ช่วยกันขนย้ายและเคลียร์พื้นที่เก็บกวาดซากความเสียหายจากอานุภาพของระเบิด
ในส่วนของข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่บ้านพักได้รับความเสียหายจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ พล.ต.ต.ปราบพาล ได้มีการประสานไปยัง กกท.จ.นราธิวาส (การกีฬาแห่งประเทศไทย จ.นราธิวาส) เพื่อขอใช้ห้องพักชั่วคราวภายในสนามฟุตบอล ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวได้พักอาศัย จำนวน 40 ห้อง รองรับเจ้าหน้าที่ได้ 120 คน นอกจากนี้ยังมีบ้านพักของ สภ.ตันหยง จ.นราธิวาส อีกจำนวนหนึ่งไว้รองรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ซึ่งเจ้าหน้าที่บางส่วนก็มีบ้านพักของตนเองอยู่แล้ว คาดว่าไม่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน
@@ ร.ต.อ.เหยื่อบึ้มพบพิรุธคนร้ายก่อนเกิดเหตุ
เพื่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่อาศัยอยู่แฟลตตำรวจที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนที่ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธนิยะ หรือ “ผู้กองอ๊อด” รองสารวัตรปราบปราม ปฏิบัติหน้าที่รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนราธิวาส จะเสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์นั้น ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ ได้พบเห็นคนร้ายกำลังเดินออกจากบริเวณแฟลตตำรวจ หลังจากนำรถยนต์คาร์บอมบ์เข้ามาจอดทิ้งไว้ จึงได้เรียกคนร้าย แต่คนร้ายเดินออกไปหน้าตาเฉย โดยที่ไม่สนใจและเหลียวหลังหันหน้ามาพูดคุยกับ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ แต่อย่างใด ต่อมาขณะที่ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ กำลังเดินผ่านรถคาร์บอมบ์เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ด้านศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยา จ.นราธิวาส ได้สรุปตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส มีจำนวนทั้งสิ้น 45 คน เสียชีวิต 1 คน เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น โดยผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 10,000 บาท สาหัส 50,000 บาท เสียชีวิต 500,000 บาท
@@ นายกฯ สั่ง กอ.รมน.ภาค 4 เร่งเยียวยา – ยกระดับ รปภ.พื้นที่
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุคาร์บอมบ์ พร้อมกล่าวว่า ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงความสูญเสียทรัพย์สินจากการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง ภายหลังทราบเหตุการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งกำชับมาที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้เร่งรัดให้การช่วยเหลือเยียวยา การใช้มาตรการทางกฎหมายและการยกระดับการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่มีความปลอดภัยสูงสุด
โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีการสั่งการเน้นย้ำให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่ การให้การช่วยเหลือเยียวยา เร่งรัดฟื้นฟูความเสียหายเพื่อให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ และติดตามบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงเพื่อนำมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม รวมถึงควบคุมบริหารจัดการที่เกิดเหตุ
@@ แม่ทัพลงพื้นที่ - ฉก.นย.แจงไทม์ไลน์คนร้าย
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ท.ศานติ สกุลตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.ปราบพาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
ในการนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือที่ 33 (ผบ.ฉก.นย.ทร.33) ได้กล่าวบรรยายสรุป โดยทำแผนผังมาแสดงถึงพฤติกรรมของคนร้ายที่นำรถยนต์ซุกซ่อนระเบิดมาจอดภายในบริเวณแฟลตตำรวจ หลังจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย
@@ สั่งรื้อข้อมูลรถแจ้งหายตั้งแต่ปี 60 แจกจ่ายทุกด่านตรวจ
พล.ท.ศานติ กล่าวหลังจากไปดูจุดเกิดเหตุว่า รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถที่ซื้อต่อๆ กันมา กำลังให้ตำรวจตรวจสอบว่า ผู้ซื้อคนสุดท้ายเป็นใคร แล้วนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ยอมรับว่า รถลักษณะนี้ยากต่อการป้องกันอยู่บ้าง แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ ป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ การตรวจสอบอาจจะยากแต่ไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ ทั้งได้เน้นย้ำในเรื่องของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่สูญหายไป ตั้งแต่ปี 2560 ให้ทุกส่วนนำข้อมูลแจกจ่ายให้กับทุกด่าน ทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันสกัดกั้นที่จะนำรถมาประกอบระเบิดก่อเหตุ
“อยากจะประณามผู้ก่อเหตุที่มาก่อเหตุระเบิดในพื้นที่ชุมชน ใกล้กับสถานศึกษา เด็กๆ กำลังเรียนหนังสือ ทำให้เด็กๆ เกิดความตื่นตระหนกตกใจ ในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 จะพยายามป้องกันและดูแลเยียวยาสภาพจิตใจของทุกๆ คน”
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในพื้นที่เมือง ซึ่งตั้งแต่ก่อนการประชุมเอเปคมีการเตรียมการป้องกันกันอยู่ตลอดเวลา พร้อมฝากถึงประชาชนที่เห็นเหตุการณ์หรือจุดไหนที่เป็นข้อผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร่งด่วนทันที