เมื่อวันศุกร์ที่ 7 เม.ย.66 มีการคลี่คลายคดีสำคัญคดีหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
คือ “คดีอุ้มหาย” นายก อบต. ตำบลดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ชื่อ นายสุธี วาเย็ง อายุ 67 ปี
นายก สุธี หายออกไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ปีที่แล้ว ผ่านมาเกือบ 8 เดือน เพิ่งจะพบชิ้นส่วนของร่างกาย และเสื้อผ้า พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน ถูกนำไปทิ้งอำพรางในหุบเขา พื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส (ข้ามไปทิ้งอีกจังหวัดหนึ่ง) เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกโรยตัวเข้าไปตรวจสอบ
ส่วนรถจักรยานยนต์ของนายก สุธี ที่ขับออกจากบ้านก่อนหายตัวไป ถูกฝังดินเอาไว้ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ อำเภอเดียวกับที่โดนอุ้มหาย โดยสภาพรถพัง คล้ายโดนกระแทก
เหตุการณ์นี้ถือว่าอุกอาจ และมาเกิดขึ้นในพื้นที่ความมั่นคงอย่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีความอ่อนไหวสูง แต่รูปคดีที่ปรากฏรายงานทางสื่อมวลชนกลับไม่มีความชัดเจนนัก ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
1.เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก จับกุมผู้ต้องสงสัย 3 คน ซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน นำไปสอบปากคำในค่ายทหาร กระทั่งยอมรับสารภาพ
2.”ทีมอุ้มฆ่า” มีทั้งหมด 8 คน แต่ยังไม่ชัดว่าถูกจับกุมได้ทั้งหมดหรือยัง หรือถูกควบคุมตัวแค่บางส่วน
3.ชื่อผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวที่ปรากฏทางสื่อหลายแขนง เป็นพลเรือนทั้งหมด แต่ในรายงานสรุปเหตุการณ์ประจำวันของฝ่ายความมั่นคงเอง กลับระบุว่า เจ้าหน้าที่สอบปากคำอดีตทหารยศ “จ่าสิบเอก” รายหนึ่ง (ตามข่าวระบุชื่อ สกุล) ในฐานะผู้ร่วมก่อเหตุ และให้การรับสารภาพว่าได้นำศพ นายสุธี ไปทิ้งที่ อ.ศรีสาคร แต่ในข่าวที่ปรากฏตามสื่อแขนงต่างๆ กลับไม่มีชื่อและยศของอดีตทหารรายนี้เป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ
4.ข้อมูลจากข่าวระบุว่า อดีตทหารรายนี้เป็น “เจ้าหน้าที่นอกรีต” ร่วมมือกับฝ่ายการเมืองในพื้นที่ ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยการยิงนายสุธี ก่อนนำศพไปทิ้งในหุบเขา ส่วนรถจักรยานยนต์ก็นำไปฝังดินไว้
ตามข่าวระบุว่าผู้ก่อเหตุมีมูลเหตุจูงใจเกี่ยวกับการขัดผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งฝ่ายการเมืองที่ว่านี้เชื่อมโยง “การเมืองระดับชาติ” ด้วย
5.การที่ในพื้นที่ชายแดนใต้มี “ทีมอุ้มฆ่า” ซ้ำยังเป็น “อดีตทหาร” หรือ “เจ้าหน้าที่นอกรีต” ส่งผลอย่างลึกล้ำต่อสถานการณ์ไฟใต้ เพราะทำให้ประชาชนทั่วไปซึ่งไม่ค่อยเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว มองเจ้าหน้าที่รัฐในแง่ลบมากขึ้นไปอีก และอาจทำให้เกิดข่าวลือเรื่อง “การสร้างสถานการณ์” จากคนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายรัฐเอง เพื่อหวังผลด้านงบประมาณ หรือสนับสนุนผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และธุรกิจผิดกฎหมาย
6.มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่นำตัว “ผู้ต้องสงสัย” และ “ผู้ต้องหา” บางคนส่งค่ายทหาร ทำให้เกิดความสงสัยว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาทั่วไป ไม่น่าจะเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคง เพราะไม่ได้เกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือขบวนการแบ่งแยกดินแดน เหตุใดจึงต้องใช้กฎหมายพิเศษ และกระบวนการพิเศษในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี
ทำให้เกิดคำถามว่ามีความพยายามช่วยเหลือกันเองของบรรดาเจ้าหน้าที่หรือไม่ มีความจำเป็นอะไรต้องใช้กฎหมายพิเศษ และกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดเป็นใครบ้าง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออดีตเจ้าหน้าที่รัฐกี่คน มีประวัติและพฤติกรรมอย่างไร เคยก่อเหตุรุนแรงอื่นๆ บ้างหรือไม่
หากไม่มีการทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง โปร่งใส จะยิ่งส่งผลต่อสถานการณ์ไฟใต้!