การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วันที่สอง เริ่มมี ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายเกี่ยวกับ “งบดับไฟใต้” ที่จัดเป็นแผนงานบูรณาการเอาไว้ 7,144.3 ล้านบาท
ผู้ที่อภิปรายประเด็นนี้ คือ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ หรือที่คนชายแดนใต้รู้จักกันดีในชื่อ “ทนายแวยูแฮ”
“ทีมข่าวอิศรา” สรุปสาระสำคัญคำอภิปรายที่เผ็ดร้อนมานำเสนอ
“สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากมีงบประมาณในแผนงานอื่น และแผนงบบูรณาการกว่า 7 พันล้านแล้ว ปรากฎว่าคนสามจังหวัดยากจนลงทุกวัน ข้อมูลล่าสุด จังหวัด 5 อันดับแรกที่ยากจนที่สุด ท่านเชื่อไหมครับ ปี 2552 นราธิวาส ปัตตานี อยู่อันดับ 60 กว่า แต่พอมาปี 2562 สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยากจนที่สุดในประเทศไทย ความเหลื่อมล้ำคนจนกับคนรวยก็อยู่อันดับท้ายสุด อันนี้เป็นข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มันเกิดอะไรขึ้นกับการจัดสรรงบประมาณ
การศึกษาก็แย่ ล่าสุดผมมีข้อมูลว่าการจัดการศึกษาในสามจังหวัดมีงบบูรณาการมาตลอดเวลาหลายปี ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 2547 การศึกษาก็ต่ำลง อยู่อันดับท้ายของประเทศ พอมาปีนี้ 2565 ถ้าเห็นตัวเลขของการจัดสรรงบประมาณ งบบูรณาการ 7 พันกว่าล้าน มันน้อยกว่างบประมาณปี 2564 ใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 142 ที่สำนักงบประมาณจะต้องจัดงบประมาณให้ตรงตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี และแผนงานอื่นๆ หมายความว่า ตามแผนยุทธศาสตร์กำหนดให้จัดสรรงบประมาณการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง 10% ทุกปี เป็นไปตามกฎหมาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันยังมีงบอื่นซ่อนอยู่อีก ผมไปเช็คดูแล้ว งบบูรณาการ 7 พันกว่าล้าน แต่มีงบจากกระทรวงและกรมอื่นๆ ที่ลงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีัก 24,300 กว่าล้าน รวมแล้วปี 2565 งบประมาณที่จะลงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งหมด 31,000 กว่าล้านบาท แต่ที่เศร้าใจผมดูแล้วมันไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ ในเรื่องของการศึกษา เพราะเป็นการจัดงบประมาณที่มองคนสามจังหวัดเป็นภัยต่อความมั่นคงมาโดยตลอด
ผมไม่สามารถรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ได้ เพราะไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและความเดือดร้อนของพี่น้อง ผมดูแล้วใน 7 พันกว่าล้านบาท ในยุทธศาสตร์ความมั่นคง ทั้ง กอ.รมน. กองทัพบก มีงบประมาณเฉพาะงานข่าว 1 พันกว่าล้าน ส่วนงานด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ขณะที่พี่น้องเดือดร้อนเรื่องปากท้อง ท่านกำลังไปจัดหาซื้ออาวุธ 3 หน่วยงาน
หน่วยงานที่อยู่ภาคใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คือ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ปรากฏว่า มีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ กอ.รมน.จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ในการรักษาความปลอดภัย 339 ล้าน กองทัพบกจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 362 ล้าน กองทัพเรือ 134 ล้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 118 ล้าน และกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง ปีนี้รับงบประมาณบูรณาการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุด มีการจัดซื้อรถหุ้มเกราะ 58 ล้าน ครุภัณฑ์อาวุธ 217 ล้าน
รวมทั้งสิ้นมีการจัดซื้ออาวุธทั้งหมดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ 2565 เป็นเงิน 1,266 ล้าน
ไหนบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้น ไหนบอกว่าสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงลดลง แต่การจัดสรรงบประมาณไปเน้นเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เสียดายครับ น่าจะเอาเงินเหล่านี้มาตอบสนองความต้องการจริงของพี่น้อง มาแก้ปัญหาความยากจนที่สุดในประเทศไทย มาแก้ปัญหาการศึกษาที่มีอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต่ำที่สุด
สิ่งที่แย่ที่สุดของปี 2565 มีงบประมาณของ กอ.รมน.เปิดดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่า กอ.รมน.ได้ทำแผนงบประมาณผูกพัน 3 ปี เกี่ยวกับการสร้างกำแพง บริเวณลุ่มน้ำโก-ลก ตั้งแต่ที่ตากใบ (จ.นราธิวาส) โดยในปีนี้สร้างกำแพงปิดกั้นระหว่างคนสามจังหวัดพี่น้องชาติพันธุ์มลายูกับพี่น้องมาเลเซีย งบประมาณ 128 ล้าน เป็นงบของปี 65 และงบผูกพันในปี 66 จำนวน 256 ล้าน และปี 67 จำนวน 256 ล้าน มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงรั้วปิดกั้น 600 กว่าล้านบาท
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจวิถีชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจสังคมประเพณีของพี่น้องชาวมลายู ทราบไหมครับคนที่อยู่ชายแดนตากใบ สุไหงโก-ลก เขามีวิถีชีวิตอย่างไร เขามีเครือญาติอยู่ฝั่งมาเลย์ เขามีการค้าขายมานานหลายสิบปี ผมมีข้อมูลว่ารายได้จากการค้าขายรายย่อยของพี่น้องที่อยู่ริมชายแดนปีหนึ่ง 3 พันกว่าล้าน ท่านไปสร้างกำแพงเหล่านี้ ตั้งงบประมาณ 120 กว่าล้านต่อปี แทนที่จะเอางบประมาณไปช่วยเหลือแก้ปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างที่กล่าวมา แต่ไม่ดำเนินการ”