
แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ถูกรับน้องค่อนข้างหนัก ตั้งแต่โค้งแรกหลังรับตำแหน่ง
ทำให้เจ้าตัวตกเป็นเป้าวิจารณ์ เพราะนอกจากจะ “ข้ามห้วย” มาจากนอกกองทัพภาคที่ 4 คือมาไกลจากอีสาน ลงมารับงานใหญ่ภาคใต้แล้ว
แค่สัปดาห์แรกที่เริ่มงานก็โดน “วางงาน” เสียแล้ว โดยเฉพาะเหตุปล้นร้านทองครั้งมโหฬาร กลางห้างบิ๊กซี สุไหงโก-ลก หลังจากนั้นก็เกิดเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ตูมตามตลอดทั้งเดือน
จังหวะดีๆ ที่แทรกเข้ามามีเพียงการริเริ่มรื้อฟื้น “โต๊ะพูดคุยสันติสุข” ครั้งใหม่ หลังจากรัฐบาลเซ็นคำสั่งตั้ง พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯ และเข้าเริ่มงานในเวลาใกล้เคียงกับ พล.ท.นรธิป
เมื่อเร็วๆ นี้ “สำนักงานผู้อำนวยความสะดวก” คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันการบรรลุความเข้าใจร่วมกัน ระหว่างรัฐบาลไทย (RTG) กับ แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (BRN) เพื่อสานต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุขอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในเดือน ธ.ค.68 นี้
มีการนัดพูดคุยของ “คณะทำงานด้านเทคนิค” ครั้งแรกในเดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปี
ถือเป็นงานด้านกระบวนการสันติภาพที่เป็นความหวังท่ามกลางฝุ่นตลบระลอกใหญ่ของเหตุรุนแรง
พล.ท.นรธิป ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จึงสั่งลุยเต็มที่ สร้างกลไกระดับพื้นที่รองรับโต๊ะพูดคุย
“เราได้เตรียมความพร้อมในการบูรณาการงานในระดับจังหวัด และวาระสำคัญที่ต้องหยิบยกขึ้นหารือร่วมกันกับมาเลเซีย โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่ส่งผลกระทบร่วมกัน”
นี่คือแนวคิดแนวทางการพูดคุยที่พยายามค้นหา “จุดสนใจใหม่ๆ” ไม่ใช่เพ่งเล็งเฉพาะเรื่องความรุนแรง หรือชิงความได้เปรียบระหว่างกัน แล้วสุดท้ายก็ทะเลาะกันเรื่อง “จุดยืน”
และ “จุดสนใจ” เรื่องปราบยาเสพติด เป็นความเห็นพ้องร่วมที่ไม่มีฝ่ายใดคัดค้านแน่นอน ทั้งรัฐบาลไทย รัฐบาลมาเลเซีย หรือแม้แต่ BRN เอง
“ในระดับรัฐบาลมีการแต่งตั้งคณะพูดคุย และได้มีการดำเนินการพูดคุยไปแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในรายละเอียดว่าพูดคุยในเรื่องใดกันบ้าง เหตุนี้ในพื้นที่จึงได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำหน้าที่รองรับคณะพูดคุยระดับบนที่จะเข้ามาพูดคุยกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ”

พล.ท.นรธิป วางโครงสร้างลงไปถึงระดับจังหวัด และอาจลงลึกมากกว่านั้นหากจำเป็น
“คณะพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่นี้ จะมีการแต่งตั้งในทุกจังหวัด เพื่อให้สามารถพูดคุยกันได้ในภายในจังหวัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อเตรียมพร้อมขับเคลื่อนงาน”
การจัดตั้งกลไกระดับพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นการตอบรับต่อหลักการสำคัญ 3 ประการที่มาเลเซียเน้นย้ำในการสานต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุข ซึ่งรวมถึงการรับฟังเสียงประชาชน และการจัดการปัญหาความไม่สงบในพื้นที่
พร้อมกันนี้ พล.ท.นรธิป ยังได้กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาหนักอกคนชายแดนใต้ไม่แพ้ความรุนแรง
“ยาเสพติดเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งในไทยและมาเลเซีย การไปเกี่ยวข้องหรือติดยาเสพติดจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมเป็นอย่างมากและหลายเรื่อง”
“ล่าสุดมีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.สงขลา ได้ของกลางจำนวนมากถึง 3 ล้านกว่าเม็ด ในช่วงเวลาห่างกันเพียง 2-3 วัน ซึ่งถือว่าปัญหานี้เป็นความเดือดร้อนร่วมกัน และมีความต้องการที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน ในเรื่องนี้ทั้งไทยและมาเลเซียต่างคิดเห็นตรงกัน” แม่ทัพภาคที่ 4 เน้นย้ำถึง “จุดสนใจร่วม”
และสรุปว่า การแก้ไขปัญหาต้องอาศัย “ความร่วมมือ” ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องผลักดันให้เป็นเรื่องที่ต้องมีการบูรณาการความร่วมมือกันเพื่อปราบปราม
“การนำปัญหาข้ามชาติอย่างยาเสพติดเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ สะท้อนความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการแก้ไขปัญหาในมิติความมั่นคงที่ไม่จำกัดอยู่แค่เพียงความรุนแรงในพื้นที่เท่านั้น”แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวทิ้งท้าย
