
เลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่ ชูนโยบายเร่งด่วนสอดรับ 4 เดือนรัฐบาลอนุทิน เน้นงานพัฒนา “เศรษฐกิจรากหญ้า – การศึกษาสร้างอาชีพ” พร้อมจับมือ ป.ป.ส. บล็อกเยาวชนพ้นยาเสพติด
ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ขยับขึ้นเป็น เลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่ และได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการ “ทำทันที” เพราะรู้งานและมีประสบการณ์ทำงานในหน่วยงานอยู่แล้ว
ปรากฏว่า เลขาฯปิยะศิริ ได้เรียกประชุมมอบแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ.2569 แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ศอ.บต. เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนงานพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นย้ำมิติใหม่ของ ศอ.บต.ที่จับต้องได้ คือ การเดินเข้าหาประชาชน เน้นความซื่อสัตย์สุจริต และการจัดทำโครงการใดๆ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ของประชาชนได้อย่างแท้จริง
@@ ทำงานด้วยหัวใจ... มิติใหม่ ศอ.บต.

นายปิยะศิริ กล่าวว่า ศอ.บต.จำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนภารกิจเชิงรุกให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากร และสร้างผลงานเชิงคุณภาพโดยไม่เน้นปริมาณ งบประมาณที่ใช้ไปต้องเกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งที่คิดได้ทันที คือ อะไรที่เราควรทำ อะไรที่ต้องเลิกทำ และอะไรที่ต้องทำใหม่ ให้เกิดขึ้นเป็นมิติใหม่ในพื้นที่
“ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องร่วมกันยกระดับมาตรฐานการทำงาน สร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ และส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญผู้นำที่ดีต้องสร้างแรงบันดาลใจ มีวินัย และทุ่มเทให้กับชีวิตข้าราชการ ซึ่งถือเป็นหัวใจในการผลักดันให้ ศอ.บต.ก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งการพัฒนาที่ทำงานด้วยหัวใจเพื่อประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง” เลขาธิการ ศอ.บต.ป้ายแดง ระบุ
@@ ฟื้น ศก.รากหญ้า - การศึกษาสร้างอาชีพ

นายปิยะศิริ เผยด้วยว่า ตนได้จัดทำแผนงานและนโยบายเร่งด่วนเพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยการทำงานของ ศอ.บต. จะเน้นมิติการพัฒนาในสัดส่วน 80% ควบคู่ไปกับความมั่นคงในมิติของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชูธง 2 ด้านหลักคือ “เศรษฐกิจรากหญ้า” และ “การศึกษาเพื่อสร้างอาชีพ”
“การโฟกัส 2 ด้านหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน 4 เดือนของรัฐบาล ศอ.บต. จะเน้นโฟกัสไปที่เศรษฐกิจ โดยการสร้างงาน สร้างรายได้ และทำให้คนยากจนมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เป็นนโยบายเร่งด่วน คือ การหยิบยกภารกิจที่สามารถทำได้เร็วและเห็นผลมาทำก่อน เพื่อให้เกิดความคืบหน้าตามนโยบายรัฐบาล”
นายปิยะศิริ กล่าวอีกว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจและการศึกษาของ ศอ.บต. มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมโยงและโอกาสให้กับคนในพื้นที่ การค้าชายแดน การส่งเสริมและช่วยเหลือ SMEs ในเรื่องการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เร่งรัดโครงการตามนโยบายรัฐบาล เช่น การขยายด่านและสะพาน การผลักดันนโยบาย Twin City (ทวินซิตี้) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างเมืองคู่ขนาน เช่น รัฐเปอร์ลิส กับจังหวัดสตูล เป็นต้น
“โดยรวมจะมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในพื้นที่ เนื่องจากกลุ่มทุนยังไม่กล้าลงทุน เพราะกังวลเรื่องความไม่สงบ และอีกมิติของการสนับสนุนคือเรื่องการสร้างอาชีพ โดยให้ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาได้เรียนรู้ร่วมกับอาชีวะ เพื่อฝึกงานและสามารถหารายได้ระหว่างเรียน จัดหาทุนการศึกษาเกือบ 1,000 ทุน เพื่อให้เด็กในพื้นที่ได้ไปศึกษาต่อถึงระดับปริญญาตรีและโท เช่น ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับแนวทางที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทาน คือต้องแก้ปัญหาการว่างงานด้วยการศึกษา”
@@ บล็อกเยาวชนพ้นยานรก - พัฒนาบ้านร้าง ป้องกันมั่วสุม

อีกด้านหนึ่งที่เป็นภารกิจ “ต้องเอาชนะ” แบบ “ควิกวิน” หรือ “ควิก บิ๊ก วิน” ก็คือ การปราบยาเสพติด
เรื่องนี้ เลขาธิการ ศอ.บต.บอกว่า มีกิจการพิเศษที่จะผนึกกำลังกับสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อ “บล็อกเยาวชน” จากยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ศอ.บต.จะดำเนินการเชิงป้องกันและปราบปรามร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงอย่างเต็มที่
“ศอ.บต.จะจับมือกับ ป.ป.ส. และฝ่ายปกครอง เพื่อมุ่งเน้นการป้องกัน โดยเฉพาะเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อบล็อกเยาวชนที่กำลังจะเข้าสู่ยาเสพติด และจะดำเนินการในเชิงพื้นที่วาระพิเศษ พื้นที่เสี่ยงสูง พื้นที่วิกฤตของยาเสพติด โดยจะส่งทีมลงไปทำงานถึงระดับหมู่บ้าน และยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ หรืออาคารรกร้าง เช่น บ้านร้างใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมอีกต่อไป”
