ไฟใต้...ถูกพูดถึงอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เหตุผลเพราะเกิดเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เท่านั้น
แต่อีกด้านหนึ่ง อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ยังลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน และประกาศอย่างห้าวหาญว่า ไฟใต้ต้องจบในปีหน้า
ทั้งๆ ที่เมื่อครั้งเจ้าตัวเป็นผู้นำรัฐบาล เป็นช่วงที่ไฟใต้ปะทุขึ้น จนกลายเป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองว่า เป็นนายกฯที่ “จุดไฟใต้”
ห้วงเวลาใกล้เคียงกับคำประกาศ “ไฟใต้จบปีหน้า” มีการพูดถึงการปัดฝุ่นนโยบาย 66/23 ที่เคยนำมาใช้ต่อสู้เอาชนะผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จนประสบความมาแล้ว
วันนี้เชื้อคอมมิวนิสต์หายขาด แต่เชื้อแยกดินแดนยังมีไฟคุกรุ่น การปั่นฝุ่นนโยบาย 66/23 กลับมาใช้อีกครั้ง จะเป็นทางออกดับไฟใต้ใน พ.ศ.2568 ได้จริงหรือไม่
บทสัมภาษณ์จากรายการสืบสวนความจริง เนชั่นทีวี ที่ได้ไปพูดคุยกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลไทยรักไทย ในฐานะอดีตนายทหารคนดังผู้ยกร่างนโยบาย 66/23 มากับมือ และนำมาใช้ดับไฟคอมมิวนิสต์ พร้อมสถาปนา “ใต้ร่มเย็น” จนประสบความสำเร็จมาแล้ว จะมาไขคำตอบในเรื่องนี้
เพราะ พล.อ.ธรรมรักษ์ คือ ตัวจริงเสียงจริงของนโยบาย 66/23 และทิศทางการเอาชนะผู้เห็นต่าง ทั้งในสนามรบและสนามเจรจา
แต่วันนี้เขาบอกว่า นโยบายดับไฟใต้ยังไม่ถูกทิศถูกทาง แล้วนโยบาย 66/23 จะแก้ได้แน่หรือไม่ อะไรคือหัวใจสำคัญของการปราบโจร ทั้งอดีตโจรจีนคอมมิิวนิสต์ และหยุดขบวนการแบ่งแยกดินแดน
@@ ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นในการออกคำสั่ง 66/23 ซึ่งเป็นนโยบายต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ อยากให้ท่านเล่าถึงรายละเอียดและเบื้องหลังของการเขียนนโยบายนี้
คำสั่ง 66/23 นี้ชื่อเต็มๆ คือ คำสั่งต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ที่เรียกว่า 66 เพราะเป็นเลขที่หนังสือของสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66 ทับปี 2523 คือปีที่ประกาศใช้ ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์
@@ เขียนนานไหม มีกี่หน้า?
ไม่กี่หน้า เราเห็นว่าสถานการณ์การก่อการร้ายคอมมิวนิสต์โตมาเรื่อย ขยายมาเรื่อย เป็น 10 ปี การต่อสู้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ที่นี้เราก็มาวิเคราะห์สถานการณ์ว่าในขณะนั้นสถานการณ์โลกมันเปลี่ยน โดยเฉพาะในอินโดจีนเปลี่ยน คือเปลี่ยนเป็นสายโซเวียต สายจีน พรรคคอมมิวนิสต์ซ้ายเขาเป็นสายจีน
เดิมที...จีนมีการต่อสู้ภายในประเทศ แล้วก็ส่งความคิดไปก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศโน้นประเทศนี้ ประเทศไหนที่ชนะ หรือว่าพอไปได้ เขาก็หนุนต่อ ประเทศไหนไปไม่ได้ก็เลิกรากันไป
ทีนี้สถานการณ์ในขณะนั้น อินโดจีนมันเปลี่ยน เพราะว่าเวียดนามเหนือก็มาบุกเวียดนามใต้ มาพนมเปญเปลี่ยน จากเขมรแดงมาเป็น “เฮง สัมริน” ทางลาวก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นพรรคคอมมิวนิสต์แยกเป็นสายโซเวียตกับสายจีน ส่วนของประเทศไทยเป็นสายจีนมาแต่ต้น การแตกแยกของคอมมิวนิสต์เองมันก็สูง การสนับสนุนที่แต่เดิมเวียดนามสนับสนุนลาว มันก็รวนเร
เราก็เลยถือโอกาสนี้ที่จะทำของเราให้ยุติให้ได้ เมื่อเราวิเคราะห์จากสถานการณ์โลกและสถานการณ์ภายในแล้ว เราควรร่างนโยบายอันหนึ่ง เพื่อให้คนในป่าเขาอ่าน ก็เลยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 14 คน มี พล.ท.หาญ ลีนานนท์ (ยศขณะนั้น) เป็นประธาน แล้วก็ พล.ต.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นเจ้ากรมยุทธการในขณะนั้น เป็นรองประธาน แล้วก็มีกรรมการ พ.อ.ศักดิ์ ศรียานนท์ เป็นเลขาฯ ส่วนผม (ยศพันเอก) กับ พ.ท.ศรชัย มนตริวัต เป็นรองเลขาฯ
แล้วก็มาร่างนโยบาย ซึ่งทางเลขาฯ เป็นคนร่างมา ผมก็แก้เพิ่มเติมบางข้อ ก็เสนอคณะกรรมการไป เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วย ให้แก้แล้วแก้อีกหลายยก จนกระทั่งผ่าน พอผ่านก็เสนอนายกฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็เอามาเป็นคำสั่งที่ 66/23
@@ เนื้อหาในคำสั่งอันไหนที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์?
พรรคคอมมิวนิสต์ในการต่อสู้ด้วยอาวุธ เขามีข้อเรียกร้องหลักอยู่ 4 ประการ คือ
1.เราไม่เป็นเอกราช เราเป็นเมืองขึ้นอเมริกา อะไรต่ออะไร
2.เราไม่เป็นประชาธิปไตย ก็คือเรียกร้องประชาธิปไตย
3.เรื่องเศรษฐกิจ ความยากจน ยากไร้
4.ความเป็นธรรมในสังคม มันไม่มีในประเทศไทย
นี่คือ 4 ข้อหลักในการปลุกระดมมวลชน แล้วมันก็แตกแขนงย่อยๆ ไป เพราะฉะนั้นเราเขียนนโยบายเราจะเขียน 4 ข้อให้เขาอ่าน
ข้อที่ 1 คือ เรามีนโยบายเป็นกลาง หมายถึง คอมมิวนิสต์สายจีน สายโซเวียต เราไม่เกี่ยว เราเป็นกลาง แล้วที่บอกว่าเป็นเมืองขึ้น ก็ไม่ใช่
ข้อที่ 2 เราจะสร้างประชาธิปไตยให้เป็นจริง คุณไม่ต้องสร้าง เราสร้างเอง
ข้อที่ 3 ก็คือเราจะแก้ปัญหาความยากจน ยากไร้ ให้ประชาชนระดับล่าง
ข้อที่ 4 คือ ความเป็นธรรมในสังคม เราจะแก้ปัญหาความเป็นธรรมในสังคม
ฉะนั้นในเนื้อจะมี 4 ข้อ และข้อย่อยๆ คือ “ให้อภัย” เพราะฉะนั้นเราเขียนให้เขาอ่านเราไม่ได้เขียนให้เจ้าหน้าที่หรือให้ชาวบ้านอ่าน
@@ ที่บอกว่า “ให้อภัย” มีรายละเอียดไหมว่า ให้อภัยอย่างไร ในความผิดอะไร?
คือในกฎหมายคอมมิวนิสต์ที่เรายกเลิกไป เขามีสัตตะ (เลขมาตราย่อยในกฎหมาย แปลว่า 7) หมายความว่า เมื่อคนเข้าป่าไปต่อสู้ทางการเมือง ถ้ามอบตัวหรือถูกจับได้ ถ้าเปลี่ยนใจ ดำเนินกรรมวิธีแล้วก็จะไม่เอาโทษ เราจะปล่อยกลับบ้านไป ซึ่งมันมีอยู่ในกฎหมายคอมมิวนิสต์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็บอกว่า ถ้าออกมาให้เป็นผู้พัฒนาชาติไทย มาพัฒนาร่วมกัน จัดสรรที่ทำกินให้ใหม่ ถ้าไม่มีที่ทำกิน เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ไม่ต้องแล้ว
@@ อันนี้คือประเด็นหลักเลยที่คิดว่าทำให้ประสบความสำเร็จ?
ใช่ แล้วก็มันยังมีส่วนอื่น อย่างเช่น นักศึกษาที่เข้าป่าไปในเหตุการณ์เดือนตุลาคม 2516 กับ ตุลาคม 2519 ประมาณ 3,000 กว่าคน เราก็มีความเห็นว่านักศึกษาที่เข้าป่า บางทีไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่กลัวบ้างอะไรบ้างก็เข้าป่าไป มันเสียทรัพยากรบุคคล เราควรจะให้เขากลับมาเรียน
เพราะฉะนั้นเมื่อนักศึกษาเข้ามอบตัว เราก็ให้กลับไปเรียนมหาวิทยาลัย คือ เรียนปี 4 ก็ให้กลับไปเรียนปี 4 เรียนปี 2 ก็ให้กลับไปเรียนปี 2 เรียนแพทย์ปี 3 ก็ให้กลับไปเรียน ทุกคนได้กลับไปเรียน
@@ คำสั่ง 66/23 ที่ออกมาทิ้งเวลาไปนานเท่าไหร่ เราถึงประสบความสำเร็จในการที่คนในป่ากลับมา?
คำสั่งนี้ปี 2523 ผมทำยุติปี 2526 เพราะคำสั่งออกแล้วเรามีคณะกรรมการปฏิบัตินโยบายให้เป็นจริง อย่างเช่น ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับต่างประเทศ เราก็ไปดีลกับทางจีน เพราะจีนกับโซเวียตก็มีปัญหากัน แล้วเราก็ไปดีลกับทางจีน แล้วบอกเขาว่า วิทยุปักกิ่งปิดได้หรือไม่ ซึ่งจีนก็โอเค...ก็ปิด ส่วนทางนี้ก็เหวอแล้ว ว่าลูกพี่จะยังไง ทำให้การสนับสนุนต่างๆ ขาดตอน
เดิมเวียดนามเหนือเขาก็หนุน ลาวเขาก็หนุน ส่งไปเรียนเวียดนามเหนือ เรียนลาวทางเหนือ กลับมาก่อการร้าย เมื่อทางนี้ก็ส่งไปเรียนไม่ได้ ทางลูกพี่ใหญ่ก็ปิดสถานีวิทยุ มันก็เริ่มมีปัญหา เมื่อมีปัญหาแล้วเราก็รุกทางการเมือง และรุกทางทหาร เรียกว่า “รุกที่หมายจำกัด” คือทุก 6 เดือน เราจะไปกดดันเป้าหมาย และทุก 6 เดือนก็จะสรุป แล้วถ้าเผื่อออกมา (จากป่า) เราจะปฏิบัติดีต่อเขา เราก็ทำแบบนี้ตลอด เพื่อกดดันเขา
@@ เราเข้าพื้นที่ไปหาเขา เราไปคุยอะไร หรือไปบอกว่าเรามีนโยบายแบบนี้?
ใช่ และส่วนหนึ่งก็มีมามอบตัวอยู่แล้ว คนที่เขาทนไม่ไหว คนที่เห็นว่าไม่เป็นไร เขาก็มอบตัวอยู่แล้ว ส่วนการเจรจากลุ่มใหญ่ๆ ก็อีกเรื่องหนึ่ง จะมีคณะทำงาน ซึ่งต้องใช้เวลา คือใช้เวลาทั้งหมด 3 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จ แล้วก็ไม่มีอีกเลย
@@ รัฐบาลปัจจุบันเห็นว่าที่ผ่านมาคำสั่งนี้แก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ได้ ก็เลยจะเอามาใช้กับการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มองว่าอย่างไร จะสำเร็จหรือไม่?
ผมก็ย้ายไปภาคใต้กับแม่ทัพหาญ (พล.อ.หาญ ลีนานนท์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4) ผมเป็นผู้อำนวยการกองข่าว ก็ไปทำงาน เราก็มี “นโยบายใต้ร่มเย็น” เป็นนโยบายลูกของนโยบาย 66/23 เพื่อให้ประชาชนเห็นนโยบายว่าเราจะทำอะไร
ตอนนั้นภาคใต้มันรุนแรงมาก มันมีผู้ก่อการร้าย 3 ประเภท มีทั้ง ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) คุมหลายจังหวัด แล้วมี จคม. โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา อยู่ตามชายแดนตลอดแนว และมีพวกแบ่งแยกดินแดน ซึ่ง 3 ประเภทนี้ค่อนข้างจะรุนแรงหมด เมื่อเป็นแบบนี้ประชาชนก็อยู่ไม่สุข อำนาจรัฐมันก็อ่อน รถตำรวจสายตรวจก็ไม่กล้าวิ่ง เขาฆ่ากันตายให้ไปชันสูตรพลิกศพ ก็บอกว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยไป เพราะกลางคืนไม่กล้าไป อะไรแบบนี้
เพราะฉะนั้นนโยบายใต้ร่มเย็น มี 4 ข้อ
1.สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกหมู่เหล่า นโยบายข้อนี้ชาวบ้านก็เฮแล้ว เพราะเขาอึดอัดมาก เพราะการก่อการร้ายมันสูง อำนาจรัฐอ่อน ก็เกิดโจร 500 ปล้นทั้งรถทัวร์ รถไฟ รถทัวร์ เฉลี่ย 8-10 คันทุกวัน ปล้นรถไฟ ปล้นรถขนเงิน
2.สร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพราะฉะนั้นเป้าหมายคือเราต้องทำเรื่องโจรจีนคอมมิวนิสต์
3.ขจัดอิทธิพลอำนาจมืดที่กดขี่ประชาชน
4.สร้างความเป็นธรรมในสังคม
ทั้ง 4 ข้อเป็นนโยบายใต้ร่มเย็น ซึ่งล้อมาจากนโยบาย 66/23
@@ แนวปฏิบัติต่างกันเยอะหรือไม่ เพราะเขียนล้อกันมา?
การปฏิบัติการจะเป็น 2 อย่าง คือ การทำงานทางทหารต่อสู้กับพวกติดอาวุธ กับการปฏิบัติทางการเมือง สร้างความเข้าใจประชาชน และพวกที่เข้าป่า
ทีนี้ถ้าการทหารเขาแข็ง การเมืองมันก็เดินลำบาก เพราะเอาน้ำลายไปพูด คนไปพูดเขาก็ไม่กล้า เพราะฉะนั้นเราต้องลดระดับการก่อการร้ายลง วิธีคือในภาพใหญ่เราจะลดการก่อการร้ายทั้ง 3 ประเภทลง แล้วดึงอำนาจรัฐขึ้นมา ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ทำงานโดยไม่ต้องเกรงกลัว เมื่อเข้มแข็งขึ้นมา ประชาชนพึ่งได้ นี่คือหลักการ
เพราะฉะนั้นเราต้องตี กดดัน ส่วนโจรจีนคอมมิวนิสต์ก็ไปตีที่เขาน้ำค้างที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทุกวันนี้ แล้วเราก็เจรจาให้มอบตัว ส่วน 3 จังหวัดใต้ ก็ไปเขาบูโด เขาเมาะแต สุคิริน เรากวาดตลอด แล้วก็ทำการเมือง
ในทางหนึ่งคุยทำความเข้าใจ แต่อีกทาง ทหารที่ต้องปราบปรามก็ต้องทำเหมือนกัน ก็ต้องทำคู่กันไป
@@ คนทำผิดถ้ากลับมา ยอมกลับใจ เราจะไม่เอาผิด แม้เป็นผู้ก่อการร้ายภาคใต้ ใช่หรือไม่?
ในกฎหมายคอมมิวนิสต์มันมีสัตตะ ที่ผมบอก แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มันต่างกัน เรามาทำแบบคอมมิวนิสต์ไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะฉะนั้นถ้าเขามอบตัวหรือถูกจับ เขาต้องไปดำเนินคดีอาญา คนมันก็ไม่มอบตัว เพราะมันโดนคดีอาญา
ผมก็เลี่ยงโดยเขามีขบวนการเล็กๆ ที่เพิ่งตั้งอันหนึ่ง เรียกว่า “นิยมเหมา” (เหมาเจ๋อตุง) เขาจะมาจากขบวนการไหนก็แล้วแต่ ผมก็ให้เขานิยมเหมาหมด เอามาอบรม ดำเนินกรรมวิธี ทำประวัติ แล้วส่งกลับบ้าน เพราะฉะนั้นแนวร่วมต่างๆ ของเขาเห็นว่าไม่มีความผิด มันก็มามอบตัวอยู่หลายพันคน เกือบหมื่นคน
@@ ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนใต้มันไม่เหมือนเดิม มีเหตุเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนรัฐบาลนี้เขาจะหยิบ 66/23 ขึ้นมาใช้ ท่านเห็นด้วยหรือไม่?
สถานการณ์เหมือนเดิม เพียงแต่ฝ่ายเรามันไม่เหมือนเดิม ก็ในการดำเนินการปราบปรามมันต่างกัน คือมวยไม่ชก เราไม่รุก อย่างของผม พอรู้ว่าเขาเคลื่อนไหวตรงไหน ผมรุกไปตลอด ฝ่ายแม่ทัพก็เล่นการเมือง ไปบรรยายให้โต๊ะอิหม่าม ตามโรงเรียน
ทีนี้มุสลิมส่วนใหญ่ไปเรียนที่ปอเนาะ แล้วได้ทุนไปต่างประเทศ เรียนเรื่องจิตวิญญาณ กลับมาไม่มีงานทำ เพราะไม่ใช่วิชาการ ก็ไปเป็นครูตาดีกาตามปอเนาะ สอนเด็กอนุบาล ก็มีเต็มไปหมด
ดังนั้นแม่ทัพหาญ จึงสนับสนุนโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ให้มีเรียนภาษาไทย พอจบ ม.3 ม.6 ก็มาขอโควตานายสิบตำรวจ นายสิบทหาร ปีละ 10-20 คน มหาวิทยาลัย 3-6 คน อะไรต่ออะไร คนก็จะหันมาเรียนแบบไทย แต่ก็ยังมีคนไม่เข้าใจว่าให้โควตาทำไม อีกทั้งมาเลเซียยกเลิกปอเนาะไปแล้ว แต่เรายังไม่ยกเลิก
@@ วิธีการในยุคของท่านกับแม่ทัพหาญ ยังเอามาใช้กับยุคปัจจุบันได้หรือ แล้ว 66/23 มีอันไหนที่รัฐบาลจะเอามาใช้แก้ปัญหาภาคใต้ได้?
ยังใช้ได้ ก็เรื่องให้อภัย
@@ แล้วอย่างคนที่มีคดี กรณีภาคใต้ ต้องรับผิดหรือไม่?
ไม่ต้อง อย่างพรรคคอมมิวนิสต์ ถ้าอยู่ในขบวนการแล้วไปทำผิด ก็ยกโทษ แต่ถ้าคนเข้าป่ามีคดีเก่า ก็ต้องไปว่ากัน แต่ในระหว่างร่วมขบวนการ ก็ยกโทษ
@@ ถ้ารัฐบาลปัดฝุ่น 66/23 ส่วนหนึ่งเอามาใช้กับปัญหาภาคใต้ แล้วยกโทษให้กับผู้ก่อเหตุความรุนแรง จะสำเร็จไหม?
นั่นคือส่วนหนึ่ง นอกนั้นก็แก้เรื่องการศึกษา การเรียน ให้หันกลับมาเรียนแบบไทย
@@ แล้วคนส่วนใหญ่จะรับได้ไหม กับคนที่เคยทำผิดคดีร้ายแรง ฆ่าคน วางระเบิด แต่พอเอานโยบายมาใช้ ไม่ต้องรับผิด?
ก็เนี่ยที่ผ่านมาเป็นพันเป็นหมื่นคน เราก็ยกโทษให้ เขาไม่ว่าอะไรเลย ไม่มีใครคัดค้าน มีแค่บางคนที่ฟังข่าวแล้วก็ค้านไปเรื่อย จริงๆ พรรคคอมมิวนิสต์ก็ฆ่าคนมาเยอะแยะ เราก็อภัยหมดจบ
@@ รัฐบาลมีการตั้งเป้าหมายไว้ปี 2570 เหมือนจะให้กำลังทหารออก แล้วให้ อส. ดูแลกันเองในพื้นที่ชายแดนใต้ คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่?
เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เขายังไม่สงบ เขายังมีกองกำลังอยู่ และยังปฏิบัติการอยู่ แล้วเราไม่ปราบ ยิ่งฉิบหายใหญ่
@@ คิดว่าวันหนึ่งจะไปถึงตรงนั้นได้หรือไม่ ที่จะให้ อส. ดูแลพื้นที่แทนทหาร?
ถ้าเผื่อเขาวางอาวุธกันหมดมันก็ได้ แต่เขายังไม่วาง เมื่อไม่วางก็ยังไม่ได้ ยิ่งจะเลวร้ายหนัก
@@ ในฐานะทหารเก่าและอดีตรัฐมนตรีกลาโหม คิดว่าปัจจุบันการแก้ปัญหาภาคใต้ มีอะไรอยากให้คำแนะนำเพิ่มเติมบ้าง?
ก็อย่างที่ผมพูด พวกกองกำลังเราก็ต้องใช้กองกำลังปราบ ส่วนเรื่องการเมืองเราก็ใช้การเมือง ทำอย่างไรกับประชาชน ทำอย่างไรกับการศึกษา ให้มันไปคู่กัน มันทำด้วยกัน ถ้าเราไปยืนเฝ้าตรวจอย่างเดียว เป็นเป้านิ่ง เขามาขว้างระเบิด ยิงกบาล โดยเราไม่ไปชกเขา
“มวยเนี่ย ถ้าขึ้นเวทีแล้วปิดป้องอย่างเดียว เดี๋ยวก็ถูกเขาน็อค มันต้องชกเขาบ้าง เราต้องรุก”
@@ ช่วงหลังๆ ตำรวจและ อส. จะโดนก่อเหตุ แทนที่จะเป็นทหารเหมือนแต่ก่อน...
เปล่า การก่อการร้าย การสร้างสถานการณ์มันเลือกเป้าง่ายๆ ที่ไม่สามารถตอบโต้ได้
@@ คิดว่าการพูดคุยสันติสุข จำเป็นจะต้องมีหรือไม่?
การพูดคุยเวลานี้รัฐบาลก็คุย แต่ผมไม่เห็นด้วย เพราะเท่ากับไปยกระดับให้เขาสูงเด่นขึ้นมา เจรจารัฐบาลไทย ทำให้เขามีตัวตน แล้วเขามีหลายขบวนการ แต่เราไปเจรจาอยู่ขบวนการเดียว
การเจรจาในลักษณะนี้ ในความคิดเห็นผมต้องเป็นทางลับ ผมเจรจากับ จคม. พอผมตีเขา ผมเจรจาตลอด พอบอกให้วางอาวุธแล้วออกมาซะ เขาก็มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ 6 ข้อ ผมก็ตัดออก บอกอันนี้ไม่ได้ อันนั้นถึงได้ เจรจากันหลายยก จนกระทั่งตอนผมย้าย เขาก็ยังวางอาวุธไม่หมดนะ จนพี่ฉิ่ง (พล.อ.กิตติ รัตนฉายา) ท่านมาเป็นแม่ทัพภาค 4 ท่านเล่นต่อ เขาก็มอบตัวหมด
@@ สไตล์ของท่านคือ มีทั้งไม้แข็ง ไม้อ่อน ทุบบ้างยอมบ้าง ใช่หรือไม่?
ใช่...อย่าง จคม. เรียกร้องเรื่องที่ทำกิน ขอรักษาความปลอดภัย มีอาวุธไว้ป้องกันตัว แต่ผมบอกไม่ได้ ผมจะดูแลความปลอดภัยให้ ส่วนที่ดินถ้าเป็นต่างด้าวก็ไม่ได้ สุดท้ายเขาบอกว่าจะให้เขาอยู่ในฐานะอะไร เพราะเขาอพยพมาจากมาเลเซีย ไม่ได้อยู่มา 40-50 ปี ก็เขาเป็นคนเถื่อน ผมก็บอกว่าเดี๋ยวอนุมัติเป็นต่างด้าว พอลูกเต้าออกมาก็ได้สัญชาติไทย เพราะฉะนั้นเบตงเดี๋ยวนี้ที่เจริญ ก็ จคม.เก่า ทั้งนั้น
@@ ทุกวันนี้ยังได้เจอใครที่คุ้นเคยไหม (พวก จคม.) เขาพูดอะไรถึงนโยบาย 66/23 ที่ทำให้เขามีวันนี้หรือไม่?
ตอนผมเป็นรัฐมนตรีลงไป เขาก็เลี้ยงใหญ่โต เขารวยกันหมดแล้ว เขาไม่ได้พูดนโยบาย แต่เขาพูดกันเอง หมายความว่า เขาไม่ได้ศึกษาเรื่องนโยบาย มันอยู่ที่การปฏิบัติของเราที่ทำกับเขา
-----------------------
สัมภาษณ์พิเศษโดย อัญชลี อริยกิจเจริญ ผู้สื่อข่าวสายทหาร และผู้ประกาศ เนชั่นทีวี