เหตุระเบิดที่โกดังเก็บพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิง ที่ชุมชนมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมใหญ่ของปี 2566 ที่ไม่น่าจะเกิดได้เลย
เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ความมั่นคงพิเศษ มีสถานการณ์ไฟใต้ยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี มีการประกาศกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับ เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจมหาศาล แต่กลับมีวัตถุไวไฟเสี่ยงอันตรายน้ำหนักรวมเป็นตันๆ หรือหลายสิบตันโผล่อยู่ในชุมชน
ไม่ว่ากรณีนี้เจ้าของโกดังจะได้รับใบอนุญาตครอบครองพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิงเหล่านี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่วายถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัย เพราะโกดังอยู่ในชุมชนซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนหนาแน่นจริงๆ
ขณะที่ฝั่งตำรวจเองก็ถูกตั้งคำถามเรื่องความจริงจังในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น กระทั่งมีความสูญเสียในระดับโศกนาฏกรรม ร้ายแรงกว่าการก่อความไม่สงบของกลุ่มป่วนใต้
แต่ผ่านมาแล้ว 3 วันยังแทบไม่มีความคืบหน้าทางคดี โดยเฉพาะการหาตัวผู้รับผิดชอบ และการดำเนินการตรวจสอบ “เจ้าของโกดัง” แต่ข่าวที่ออกมามีแค่ว่า ไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดช่วงหยุดยาว ขณะที่นักสืบโซเชียลฯ เสาะหาข้อมูลไปไกลกว่านั้นมาก
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 31 ก.ค.66 พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ต้องเดินทางลงพื้นที่ สภ.มูโนะ เพื่อเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 12 ราย ได้รับบาดเจ็บกว่าร้อยราย และบ้านกับร้านรวงของของประชาชนได้รับความเสียหายมากกว่า 300 หลังคาเรือน
งานนี้มีการระดมพนักงานสอบสวนจาก 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ไปตั้งโต๊ะสอบปากคำประชาชนผู้ประสบภัย โดยวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค. สอบปากคำไปได้ 16 ราย วันจันทร์ที่ 31 ก.ค.สอบเพิ่มได้ไม่ต่ำกว่า 50 ราย เพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานทางคดี และส่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานข้างเคียงนำไปประเมินการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า แม้จะเกิดระเบิดไปแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจโรงเรือนและอาคารซึ่งเป็นของครอบครัว “เจ้าของโกดัง” ทั้งในชื่อของตนเอง และของภรรยา ซึ่งรับมรดกตกทอดมาจากรุ่นบิดามารดา เนื่องจากเป็นคนมูโนะ เจ้าหน้าที่ยังพบวัตถุไวไฟ ทั้งพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิงเพิ่มอีก
ค้นรอบแรกเจอ 1 ตัน ค้นรอบ 2 เจอดอกไม้เพลิงชนิดลูกบอล จำนวน 180 กระสอบ และดอกไม้เพลิงชนิดอื่นๆ อีก 22 ลัง น้ำหนักรวมกันประมาณ 900 กิโลกรัม เก็บอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ 3 ห้อง ไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับอาคารพาณิชย์ 4 ห้อง ซึ่งเป็นของเจ้าของโกดัง และก็อยู่ในชุมชนมูโนะนี่เอง
พล.ต.ท.นันทเดช ผบช.ภ.9 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าทางคดี และความจริงจังของตำรวจในการคลี่คลายเรื่องนี้ ตามที่สังคมเรียกร้อง
@@ ความคืบหน้าการติดตามตัวเจ้าของโกดัง? (สัมภาษณ์วันที่ 31 ก.ค.)
พล.ต.ท.นันทเดช : เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวแล้ว โดยเจ้าตัวนัดมาวันที่ 1 ส.ค. ถ้าไม่มาเราจะออกหมายจับ
ส่วนกรณีดอกไม้เพลิงที่อยู่ในโกดังก็มีการคำนวณตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและกองพิสูจน์หลักฐาน ความรุนแรงของการระเบิดตีคร่าวๆ น้ำหนักมากกว่า 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป ดอกไม้เพลิงในโกดังต้องมีการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปตามกฎหมาย ระหว่างเส้นทางมีกฎหมายควบคุม ตั้งแต่ขนส่ง เก็บรักษา
เราตรวจสอบได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ต้องใจเย็นๆ การเอามาเก็บต้องมีลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ มันต้องมีเอกสารการนำเข้า-การส่งออก การสร้างโกดังต้องได้รับอนุญาต การก่อสร้างที่เก็บประทัดดอกไม้ไฟต้องมีลักษณะพิเศษกว่าการก่อสร้างทั่วไป มีกฎมีระเบียบชัดเจน ได้สั่งตรวจสอบแล้วเช่นกัน
@@ มีข่าวว่าครอบครัวเจ้าของโกดังเคยถูกดำเนินคดี?
พล.ต.ท.นันทเดช : เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการครอบครอง ราวๆ 5 หรือ 6 ปีที่แล้ว คือ ปี 59 เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งฟ้องไปแล้ว
สำหรับการกักตุนดอกไม้เพลิงจำนวนมาก ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 5 กระทรวง เดี๋ยวจะมีการไล่ตรวจสอบทั้ง 5 กระทรวง ระหว่างนี้เราเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน
@@ ข้อมูลที่ว่ามีช่างต่อเติมโกดังเข้ามาเชื่อมโลหะ ทำให้เกิดประกายไฟ อาจเป็นต้นเหตุของการระเบิด ถือว่าประมาทหรือไม่?
พล.ต.ท.นันทเดช : เราต้องมีการสอบสวน ไม่อยากพูดไปพูดมา แต่มีแนวโน้ม เพราะในโกดังมีวัตถุไวไฟ