น้ำใจคนไทยไม่เคยเหือดแห้ง เหือดหาย ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ตาม
แม่ของทารกน้อยวัยแค่ 4 เดือนที่ป่วยหนักเป็นโรค “ผนังหัวใจรั่ว” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนแง่งามของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี
เธอต้องเสียเงินค่ารักษาให้ลูกน้อยครั้งละหลายพันบาท ทั้งๆ ที่ใช้สิทธิบัตรทอง แต่ต้องใช้ยานอกบัญชียาหลัก จึงต้องจ่ายเงิน ไม่ได้ฟรีจริง กลายเป็นปัญหาซ้ำเติมความลำบาก ภายใต้นโยบายสวยหรู “สวัสดิการถ้วนหน้า”
ครอบครัวของเด็กหญิงตัวน้อยมีความเป็นอยู่ที่ยากจน มีพี่น้องร่วมท้อง 6 คน พ่อแม่ทำงานสะพานปลา ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา
ทารกวัยเพียง 4 เดือนยังคงนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ครอบครัวอาศัยอยู่ที่ปัตตานี จึงต้องไปเช่าบ้านเฝ้าลูก มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก
เมื่อหลายวันก่อน “ศูนย์ข่าวอิศรา” และสื่อมวลชนบางแขนงได้นำเสนอเรื่องราวน่ารันทดนี้ ปรากฏว่ามีผู้ที่ได้รับทราบข่าวสารร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ ยอดเงินอยู่ที่ราวๆ 93,000 บาท ทำให้ ไซนะ มะมิง แม่ของทารกไร้เดียงสา รู้สึกดีใจมาก และฝากขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนที่ช่วยเหลือ เงินที่ได้ทั้งหมดนี้ จะนำไปเป็นค่ารักษาน้อง เป็นค่านมและผ้าอ้อม รวมทั้งจ่ายหนี้ จำนวน 19,000 บาทที่ยืมญาติและเพื่อนบ้านมารักษาก่อนหน้านี้
โดยเงินที่ได้มา ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่รับเรื่องร้องทุกข์ และประสานให้ความช่วยเหลือเป็นองค์กรแรก รับหน้าที่ให้คำปรึกษาในเรื่องการใช้จ่าย การเก็บเงินไว้ดูแลลูกในระยะยาว และให้ความเช่วยเหลือในมิติอื่นๆ
“ได้ไปเช็คยอดเงินบริจาค รู้สึกตกใจมาก เห็นยอดเงินแล้วน้ำตาไหล ตกใจ ดีใจ กลัว ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้ปรึกษาศูนย์พัฒนาอาชีพฯ ว่าจะต้องปิดบัญชีทันทีหรือไม่ เพราะเงินที่เข้ามาจำนวนมากพอแล้ว แต่ทางศูนย์ฯบอกว่า ในเมื่อลูกสาวยังต้องมีการรักษาตัวต่อเนื่อง ยังไม่รู้ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ก็รอก่อนสักพัก อาจมีคนบริจาคน้อยลง ค่อยปิดบัญชี” ไซนะ เล่าเรื่องราวหลังได้รับความช่วยเหลืออย่างเกินคาด
แต่ข่าวร้ายก็ยังไม่ผ่านไปจากชีวิตของเธอ ไซนะ เล่าว่า หมอมาแจ้งว่า นอกจากการรักษาครั้งนี้แล้ว เมื่อลูกสาวโตขึ้นอีกหน่อย อายุประมาณ 1 ขวบ จะต้องเข้าผ่าตัดอีกรอบ ก็เลยบอกไม่ถูกว่าจะต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ ตั้งใจว่าสัปดาห์หน้าถ้าเงินยังเข้ามาอีก ก็จะไปปิดบัญชี เพราะไม่อยากรบกวนใครมากเกินไป
“อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยหนูและครอบครัว โดยเฉพาะคุณหมอสุรางคณา คุณหมอชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ซึ่งติดต่อให้ความช่วยเหลือเป็นคนแรกๆ คุณธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คุณฐกร รัตนกมลพร และครอบครัว รวมทั้งนักข่าวที่ช่วยเผยแพร่ข่าวและระดมเงินบริจาคมาให้อีกส่วนหนึ่งด้วย”
ไซนะ บอกอีกว่า เงินที่ได้ทั้งหมด เบื้องต้นตั้งใจว่าจะนำมาเป็นค่ารักษาน้อง และใช้หนี้ที่ยืมมา ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีคนช่วยเหลือมากขนาดนี้
สำหรับครอบครัวของไซนะ นอกจากลูกคนที่ 6 ที่เป็นโรคหัวใจรั่วตั้งแต่เกิดแล้ว ลูกคนที่ 2 คนที่ 4 คนที่ 5 ยังเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่อีกด้วย ชีวิตอยู่มาด้วยความยากลำบากมาตลอด ตอนนี้ที่ทราบว่าลูกคนเล็กป่วย ยังคิดว่าไม่รักษา เพราะไม่มีเงินเลย แต่พอมาคิดอีกทีก็สงสารลูก ก็เลยมาถึงหาดใหญ่ ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่แฟนคนเดียว เขาทำงานหนักแล้วยังต้องนั่งรถไฟ หรือรถบัส บขส.มาดูลูกในบางวัน
“สงสารลูก สงสารแฟน แต่ชีวิตเราเป็นแบบนี้ก็ต้องสู้ต่อไป รู้สึกว่าเรายังโชคดีที่มีผู้ใจบุญมาช่วยเหลือ” ไซนะ กล่าว