สองแกนนำพรรคประชาชาติให้สัมภาษณ์หลังคว้าแชมป์ ส.ส.เขตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังครองความนิยมกวาดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เป็นอันดับ 1 ทั้ง 13 เขต
วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ : “ขอบคุณพี่น้องชายแดนภาคใต้ที่ให้ความไว้วางใจ พรรคประชาชาติได้ ส.ส. 9 คน จากเขตเลือกตั้ง 7 ที่นั่งและบัญชีรายชื่ออีก 2 ที่นั่ง ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่หนักที่สุดตั้งแต่ลงสมัครรับเลือกตั้งมา 10 ครั้ง 40 กว่าปี การได้เสียงมาครั้งนี้ของพรรคประชาชาตินับว่าประชาชนให้การตอบรับอย่างดี
ส่วนการทำงานของพรรค เนื่องจากพรรคประชาชาติเพิ่งก่อตั้งมา 4 ปี นโยบายต่างๆ ก็จะเน้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก ซึ่งคิดว่าพรรคประชาชาติจะเป็นหนึ่งในรัฐบาลชุดใหม่ และมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมเดินหน้าสร้างผลงานให้ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน
พื้นที่เป้าหมายของพรรคประชาชาติคือพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมได้มอบหมายให้ท่านทวี (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค) เข้าไปร่วมเจรจากำหนดนโยบายในการทำ MOU (บันทึกความเข้าใจ) ในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ที่เผชิญมาเกือบ 20 ปีที่ถือว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ใช้งบประมาณไปเกือบ 5 แสนแสนล้านบาท แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เมื่อเช้าไปเป็นรัฐบาลก็ตั้งใจจะเข้าไปแก้ปัญหา แม้จะไม่หมดสิ้นแต่อยากให้เบาบางลงอย่างทันตาเห็น โดยเฉพาะด้านความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ด้านการศึกษา และราคาพืชผลตกต่ำ”
@@ จี้รัฐบาลรักษาการ “ลาออก”
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงความรับผิดชอบ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ตีตกพระราชกำหนดที่ให้เลื่อนบังคับใช้บางมาตราของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ เพราะไม่เป็นไปตามเงื่อนไขตราพระราชกำหนดที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
“ความจริงแล้วในการพิจารณาช่วงท้ายของสภาผู้แทนราษฎร หากรัฐบาลบริสุทธ์ใจ ปล่อยให้มีการพิจารณาจนสิ้นกระบวนการ ก็เชื่อว่ากฎหมายจะถูกตีตกในสภาอยู่แล้ว แต่รัฐบาลไม่กล้าให้ตก เพราะหากกฎหมายสำคัญถูกตีตกในสภา รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ โดยประเพณีปฏิบัติคือนายกรัฐมนตรีต้องลาออก และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ หรือการยุบสภา แต่รัฐบาลไม่เลือกทั้งสองอย่าง แต่ให้วิปส่งศาลพิจารณา ถือว่าเป็นความไม่รอบคอบของรัฐบาล
รัฐบาลอาจจอะบอกว่าเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจน หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาการได้ ก็ให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติหน้าที่แทนจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งผมมองว่ารัฐบาลใหม่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว และยืนยันว่ารัฐบาลรักษาการลาออกได้ เพราะรัฐบาลใหม่ใช้ระยะเวลาไม่นาน หากสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดี ก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของประเทศต่อไป”
@@ เสียงประชาชนคือ “เสถียรภาพรัฐบาล”
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ : “นโยบายหลักๆ ของพรรคประชาชาติ คือต้องการสร้างสังคมให้เป็นประชาธิปไตย แก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกกดทับด้วยอำนาจรัฐและกฎหมายพิเศษ จึงอยากแก้ปัญหาเหล่านี้ เพื่อสร้างสันติภาพ
รวมถึงปัญหาเรื่องที่ดินทำกินที่ต้องการให้แก้ไขกฎหมายป่าไม้ทั้งหมด รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรให้มีราคาสูง ปัญหาด้านการศึกษาก็ต้องสนับสนุนให้มีการเรียนฟรีถึงปริญญาตรีอย่างมีคุณภาพ หนี้สินครัวเรือน เกษตรกรที่ไม่มีความเป็นธรรม และที่สำคัญคือการให้สัมปทานและการผูกขาดสาธารณูปโภค ให้นายทุน แล้วผลักภาระให้ประชาชน เหล่านี้พรรคประชาชาติตั้งใจเข้าไปแก้ไข
นอกจากนี้ พรรคการเมืองที่มาร่วมเจตจำนงในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เพราะพรรคการเมืองไหนที่มาร่วมกันแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถูกสังคมประนาม ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมถึงปัญหายาเสพติดที่เป็นวาระใหญ่เร่งด่วนสำหรับประเทศชาติ ซึ่งพรรคประชาชาติย้ำจุดยืนไม่สนับสนุนกัญชาเสรี แต่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์หรือการวิจัยพัฒนาเท่านั้น รวมถึงสนับสนุนให้มีการกระจายอำนาจ เพราะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จะรู้ปัญหามากที่สุด ไม่ให้มีรัฐบาลรวมศูนย์
สำหรับเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่นั้น เสถียรภาพที่สำคัญที่สุดคือการตอบรับของประชาชน วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลที่เป็นฝ่ายค้านเดิมทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาเสถียรภาพที่ไหน เพียงแต่ยังคงต้องทำความเข้าใจกับหลายฝ่ายว่าเราต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะการปล่อยให้ไม่มีรัฐบาล เว้นช่วงสุญญากาศ จะทำให้เกิดปัญหาหยุดพัฒนา ซึ่งเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้จะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าพรรคที่มารวมตัวกันไม่ได้อยู่ในอาณัติของใคร แต่ให้เกียรติพรรคได้คะแนนอันดับหนึ่งเป็นแกนนำ
ส่วนข้อกังวลต่อเสียงโหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจาก ส.ว. เมื่อก่อน ส.ว.อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล แต่ในปัจจุบันเพิ่งตระหนักว่าเป็นสมาชิกของปวงชนชาวไทย เมื่อปวงชนชาวไทยตัดสินใจแล้ว ไม่แน่ ส.ว.อาจจะสนับสนุนมากกว่าที่คิดก็ได้ ขออย่าเพิ่งไปดูแคลน เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในส่วนที่เขายังกังวล”