“ศุภชัย ใจสมุทร” ออกโรงแจงปม “กัญชาเสรี” หลังเกิดกระแสต้าน ส.ส.มุสลิม ลงมติปลดล็อกกัญชา เผยพรรคภูมิใจไทยเห็นประโยชน์ทางการแพทย์-เศรษฐกิจ ไม่ได้หนุนสูบเสพเป็นของมึนเมา โต้หากกัญชาเป็นของมึนเมา บุหรี่ก็ไม่ต่างกัน อ้างยังเห็น ส.ส.มุสลิมที่ค้านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง สูบมวนต่อมวนอยู่เลย แต่กลับใช้คำพูดเท็จกล่าวหาโจมตีหวังผลทางการเมือง
ท่ามกลางกระแสคัดค้านนโยบาย “กัญชาเสรี” โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม เพราะกัญชาถือเป็นสิ่ง “ฮารอม” ต้องห้ามทางศาสนา ตามการตีความของสำนักจุฬาราชมนตรี ทำให้มีการเผยแพร่ข้อมูลโจมตี ส.ส.มุสลิม ที่ยกมือสนับสนุนการปลดล็อกกัญชา โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเจ้าของนโยบาย
ล่าสุด นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Suphachai Jaismut” เพื่ออธิบายถึงการการลงมติของ ส.ส มุสลิม ในการปลดล็อกกัญชา มีเนื้อหาระบุว่า
“เป็นที่รู้กันว่าในโลกนี้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากพืชมานานแล้ว มอร์ฟีนที่ขายภายใต้ชื่อการค้าหลายชื่อ เป็นยาระงับปวดชนิดยาเข้าฝิ่น ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาทส่วนกลางเพื่อลดความรู้สึกปวด ใช้ได้ทั้งกับอาการปวดเฉียบพลันและปวดเรื้อรัง
โคเคน เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากใบของต้นโคคา (erythroxylum coca) ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้
สารโคเคนถือเป็นยาชาเฉพาะที่ชั้นเลิศ ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2556 สมาคมแพทย์ด้านโสตศอนาสิกวิทยาแห่งสหรัฐ กำหนดให้โคเคนเป็นสารระงับความรู้สึกและตีบหลอดเลือดที่ดีเยี่ยม เมื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยสำหรับอายุรแพทย์
ส่วนกัญชาก็เช่นเดียวกัน เฉพาะประเทศไทยเราใช้เป็นยารักษาโรคมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจนปัจจุบัน
และแน่นอนว่าทั้งฝิ่น โคเคน หรือกัญชา มีสารเสพติดอยู่ ซึ่งหากเรานำสิ่งที่เป็นประโยชน์ของพืชนี้มาใช้ก็ย่อมเป็นสิ่งที่พึงต้องทำ
ผมเชื่อว่า ในชีวิตหนึ่งของคนเราทุกเชื้อชาติทุกศาสนาหากต้องเจ็บป่วย ก็อาจต้องใช้ประโยชน์จากมอร์ฟีน ซึ่งทำจากพืชฝิ่น โคเคนที่ทำจากพืชโคคา หรือจากกัญชาเพื่อรักษาโรค
ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงเรื่องนี้ว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอการปลดล็อกกัญชาด้วยเหตุผลว่าเราสามารถนำมันมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ เช่นฝิ่นหรือโคคาได้ และเป็นเพียงสองกรณีนี้ ไม่มีการสนับสนุนให้นำกัญชามาเสพมาสูบเพื่อการสันทนาการแต่อย่างใดเลย และ ส.ส.แต่ละคนจะลงมติใดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยย่อมมีเอกสิทธิ์และเหตุผลของแต่ละคน
การกล่าวหาว่า ส.ส พรรคภูมิใจไทย ที่เป็นมุสลิม หรือ ส.ส. พรรคอื่นที่ลงมติรับ เพื่อให้นำไปเสพเป็นสิ่งมึนเมาจึงเป็นการพูดปดมดเท็จ เป็นการกล่าวหากันทางการเมืองเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองของพรรคการเมือง ถ้าจะเห็นว่ากัญชาเป็นของมึนเมา บุหรี่ก็คงไม่ต่าง และผมก็เห็น ส.ส.มุสลิมที่ไม่ได้ลงมติหรือคัดค้านกัญชา สูบบุหรี่มวนต่อมวน อยู่ที่สภาอยู่เป็นปกติ
และนานแสนนานแล้วปัญหาเยาวชนในสามจังหวัดภาคใต้ที่ติดยาเสพติด ที่เรียกว่า สูตร 4x100 ที่ไม่ได้มีกัญชาเป็นส่วนผสม ก็ยังดำรงอยู่ ถามว่าตอนนั้นจนถึงวันนี้ส่วนใหญ่เป็น ส.ส จากพรรคใด ผ่านเลขา ศอบต.มาหลายต่อหลายคน และเหตุใดยังแก้ปัญหานั้นไม่ได้
ศาสนาอิสลามมีคำสอนที่เกี่ยวกับความสะอาด โดยผู้ที่มีความสะอาดทางวาจาน้ันต้องมาจากจิตใจที่ดีงาม ไม่พูดเท็จ ไม่พูดเสริมความทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ยุยงให้บุคคลแตกสามัคคีกัน การพูดปดมดเท็จเป็นความผิดร้ายแรง เป็นบาปใหญ่ และถือว่าคนพูดปดเป็นคนที่ไม่มีศาสนา ซึ่งพวกเขาต้องได้รับโทษทัณฑ์อันแสนสาหัสจากพระผู้เป็นเจ้า
การพูดปดมดเท็จเป็นการกระทำที่ขัดต่อบัญญัติอิสลามและจริยธรรม โดยท่าน ศาสดามูฮัมหมัด กล่าวว่า มีคนอยู่สามกลุ่มที่ถึงแม้ว่าเขาจะดำรงนมาซ (ละหมาด) และถือศีลอด แต่ยังถือว่ากลับกลอก(มูนาฟิอีน) อยู่ดี คือ ผู้พูดมดเท็จ ผู้บิดพลิ้วสัญญา และผู้ที่ไม่มีอามานะฮฺ (ทุจริต) และท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) ยังได้กล่าวด้วยว่า แท้จริงการพูดเท็จคือประตูหนึ่งจากบรรดาประตูแห่งนิฟาก กลับกลอกการโกหก เป็นคิยานัต (การทรยศ) ที่ยิ่งใหญ่ เป็นการทำลายมิตรภาพ ความเป็นพี่น้อง เพื่อนสหาย เป็นการล้อเล่นกับความไว้ใจของผู้อื่น ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายท้ังโลกนี้และโลกหน้า”