กรณีกลุ่มบุคคลลึกลับ คาดว่าเป็นนายทุนผู้มีอิทธิพล ลักลอบนำเครื่องจักรกลหนัก แผ้วถางป่าและสร้างถนนบริเวณ “เขาแดง” ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็น “โบราณสถานบริเวณเมืองเก่าสงขลา” นั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างอุกอาจ ภาพที่ออกมาทำร้ายจิตใจคนสงขลา โดยเฉพาะนักประวัติศาสตร์และนักอนุรักษ์ แต่การจัดการปัญหาค่อนข้างติดขัดล่าช้า จนมีเสียงวิจารณ์ถึงท่าที “เกียร์ว่าง” ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันพุธที่ 2 มี.ค.65 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ซึ่งถูกมองว่าเงียบมาตลอด ได้ออกมาให้ข่าวสื่อบางแขนง ยืนยันว่าได้จัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว โดยแยกเป็น 2 เรื่อง คือ
-องค์เจดีย์บนเขาแดงที่ได้รับความเสียหาย สำนักศิลปากรที่ 11 ได้เข้าไปบูรณะซ่อมแซมแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นในวันเสาร์นี้ และจะมีพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป
-เรื่องคดีความที่มีผู้บุกรุกแผ้วถาง ตัดไม้ สร้างถนน ทางเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 11 ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร แล้ว ได้รับทราบความคืบหน้าว่ามีผู้ต้องหาที่ทราบตัวแล้ว 1 คน เป็นเจ้าของรถที่เกี่ยวข้องกับการขุดดินแผ้วถาง กำลังอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติหมายจับจากศาล น่าจะเรียบร้อยในวันศุกร์นี้
นี่คือความคืบหน้าจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ
@@ ป่าไม้เข้าตรวจสอบ ไร้เอกสารสิทธิ์ “ผิดแน่”
ขณะที่ “ทีมข่าวอิศรา” ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ นายปัญญา จินดาวงค์ นายอำเภอสิงหนคร ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกหลายประเด็น
“ท่านผู้ว่าฯ เจษฎา จิตรัตน์ ได้รับแจ้งเรื่องนี้ ท่านประสานมายังผมว่าให้เข้าไปดูพื้นที่ว่ามีการบุกรุกจริงไหม ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นพื้นที่เดิมที่มันเคยมีการขุดดินกันอยู่ หลังจากเข้าไปดูปรากฏว่า มันไม่ใช่ มันเป็นที่ใหม่ ก็เลยเข้าไปตรวจสอบ แล้วก็ประสานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาร่วมตรวจสอบ ทั้งฝ่ายปกครอง กรมศิลปากร ป่าไม้ เทศบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังจากขึ้นไปตรวจสอบก็ทราบว่า บริเวณนี้ทางป่าไม้ได้รับแจ้งจากชาวบ้านก่อนหน้านี้แล้ว และขึ้นไปตรวจสอบแล้วเอาป้ายไปปักเอาไว้
ต่อมาท่านผู้ว่าฯ ก็ให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งกรมศิลปากรที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ทางป่าไม้ ทางเทศบาล ฝ่ายปกครอง ที่ดิน และฝ่ายตำรวจ มาประชุมคุยกันว่า สรุปพื้นทื่ที่มีการแผ้วทางอยู่ในเขตของกรมศิลปากร แต่ในส่วนของป่าไม้มันไม่อยู่ในเขตป่าสงวนหรือว่าอุทยาน ก็ต้องตรวจสอบว่ามีเอกสารสิทธิ์ไหม ถ้าไม่มีเอกสารสิทธิ์ ก็เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ก็ให้แต่ละหน่วยงานไปดำเนินการ”
@@ จนท.กรมศิลป์ถูกขู่ - เอาผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ซ้ำ
นายอำเภอสิงหนคร กล่าวต่อว่า การบุกรุก แผ้วถางพื้นที่เขตโบราณสถาน ถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน
“ในเบื้องต้นส่วนของกรมศิลปากร เป็นเขตโบราณสถาน การไปทำแบบนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต มันผิดแน่นอนอยู่แล้ว วันนั้นท่าน ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 ท่านได้เข้าไปอีกรอบหนึ่ง แล้วก็พานักข่าวไปด้วย พร้อมให้สัมภาษณ์ ซึ่งก็มีประเด็นเรื่องคนของท่านถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล ท่านผู้ว่าฯ ก็เลยให้ท่าน วรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัด มาประชุมร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง แต่ประเด็นก็เหมือนเดิม คือ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานใดก็ทำการพิสูจน์กัน ซึ่งทางป่าไม้ก็พิสูจน์แล้ว ไม่พบผู้ใดแจ้งการครอบครอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ทางป่าไม้ก็เลยเข้าดำเนินการแจ้งความเพิ่มเติม
@@ รู้ตัวแก๊งแผ้วถางโยงกลุ่มขุดหลังป้อม 9
ส่วนในทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการสอบสวน เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการเชิญคนรอบข้างพื้นที่ และพยานรู้เห็นมาให้ปากคำ ส่วนกลุ่มของผู้ที่ขึ้นไปบุกรุก ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการติดต่ออยู่ เพื่อจะนำมาสอบว่าเข้าไปบุกรุกพื้นที่โดยใช้สิทธิอะไร”
นายอำเภอสิงหนคร กล่าวด้วยว่า เรื่องการข่มขู่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร จากที่ทราบพื้นที่นี้ไม่ได้มีประเด็นของผู้มีอิทธิพล
“แต่อาจจะมีอีกจุดหนึ่งที่บริเวณหลังป้อม 9 (ป้อมปืนหมายเลข 9 เมืองเก่าสงขลาฝั่งหัวเขา) ซึ่งที่ตรงนั้นพอพิสูจน์กัน จึงพบว่าเป็นที่เดิมที่มันเคยมีการขุดมาก่อนแล้ว แต่มันเพิ่มมาแจ้งความดำเนินคดีกันในครั้งนี้พ่วงไปด้วย ซึ่งจากการสอบพยานทราบว่า มันเป็นที่เดิมที่ถูกขุดกันมาหลายปีแล้ว และที่ตรงนั้นก็เคยมีชาวบ้านบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์
ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะมีการตามเรื่องกันอีกครั้งหลังจากที่มีความชัดเจนแล้ว ซึ่งในทางคดีก็ยังดำเนินการอยู่”
@@ “เดชอิศม์” จี้จัดการตามกฎหมายไม่ต้องสนใครใหญ่
เหตุเกิดที่โบราณสถานสำคัญซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.สิงหนคร ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามไปยัง ส.ส.สงขลา
หนึ่งในนั้นคือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีเครือญาติเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่สิงหนครด้วย
นายเดชอิศม์ ให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุ อสมท.สงขลา 96.5 รายการ “เล่าเรื่องเมืองใต้” ถึงกรณีการลักลอบขุดดินตัดถนนในเขตโบราณสถานเขาแดง ว่า รู้สึกใจหาย หดหู่อย่างยิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนการขัดขวางไม่ให้สงขลาไปสู่มรดกโลก เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างยิ่ง
“ผมไม่ทราบว่าเกิดจากใคร เกิดจากนายทุนคนไหน แล้วทำกันได้อย่างไร เพราะทราบว่าจุดนี้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร ฉะนั้นการจะกระทำอะไรก็แล้วแต่ต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร” ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ของประชาธิปัตย์กล่าวตอนหนึ่ง
“เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือนายทุนใหญ่เราก็ไม่สน ต้องฝากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ การสืบหาผู้ร้ายไม่ยาก ขึ้นลงเขาแดงมันต้องมีคนเห็น ที่สำคัญถนนไปจบที่ที่ดินของใคร เชื่อได้ว่าเจ้าของที่ดินปลายสุดของถนนน่ามีส่วนรู้เห็น สืบได้ไม่ยาก ถ้าต้องการจะสืบจริงๆ”