“ศบค.ส่วนหน้า” สรุปแนวโน้มสถานการณ์โควิดชายแดนใต้ดีขึ้น ติดเชื้อใหม่ลดลง ยอดปักแขนทุกจังหวัดเกิน 50% เตรียมความพร้อมรองรับการเปิดพื้นที่แบบ TEST & GO ในทุกมิติ ก่อนยุติภารกิจ 16 ธ.ค.นี้
วันอังคารที่ 14 ธ.ค.64 พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก ศบค.ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ผลจากการบูรณาการเร่งรัดปฏิบัติการเชิงรุกในทุกมิติภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ส่งผลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ โดยสามารถฉีดวัคซีนในภาพรวมได้แล้วเฉลี่ยร้อยละ 62.82 เพิ่มขึ้นจากห้วงก่อนจัดตั้ง “ศบค.ส่วนหน้า” ร้อยละ 17.86 โดยมีผลคืบหน้าดังนี้
1.ภาพรวมสถานการณ์และแนวโน้ม จากการประชุม ศบค.ส่วนหน้า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 360 ราย, ยอดติดเชื้อสะสม 212,294 ราย, รักษาหายแล้ว 203,938 ราย, ยอดเสียชีวิตสะสม 1,537 ราย เฉลี่ยร้อยละ 0.72 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศร้อยละ 0.26 โดยพบว่าจังหวัดที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อเฉลี่ยมากที่สุดคือ จ.สตูล ร้อยละ 1.13 รองลงมาคือ จ.ปัตตานี ร้อยละ 0.97 และน้อยสุดคือ จ.สงขลา ร้อยละ 0.43 ทั้งนี้พบว่าผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5 ราย (12 ธ.ค.64) เป็นผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนคิดเป็นร้อยละ 100
สำหรับผลการตรวจหาเชื้อเชิงรุกแบบ ATK ในรอบ 7 วัน พบมีผลเป็นบวกเฉลี่ยร้อยละ 5.28 น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในห้วงเดือน ต.ค.เกือบร้อยละ 20 โดยพบจังหวัดที่มีผลตรวจเป็นบวกมากที่สุด คือ จ.สตูล คิดเป็นร้อยละ 10.77 รองลงมาคือ จ.สงขลา ร้อยละ 6.71 และน้อยสุดคือ จ.นราธิวาส คิดเป็นร้อยละ 1.43 ปัจจุบันมีอัตราการครองเตียงร้อยละ 38.6 น้อยกว่าห้วงสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.7 ทั้งนี้เนื่องจากมียอดรักษาหายมีจำนวนมากกว่าผู้ป่วยรายใหม่ และมีการปรับเพิ่มรูปแบบรักษาแบบศูนย์แยกกักตัวชุมชน (CI) และรักษาตัวที่บ้าน (HI) มากขึ้น คงเหลือเตียงว่าง 8,652 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอ
2.ผลคืบหน้าการฉีดวัคซีน ณ ปัจจุบันสามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เฉลี่ยร้อยละ 62.82 เพิ่มขึ้นจากห้วงสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.15 เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีอัตราการฉีดสูงสุดคือ จ.สงขลา ร้อยละ 74.84, จ.ยะลา ร้อยละ 63.27, จ.สตูล ร้อยละ 58.32, จ.นราธิวาส ร้อยละ 52.36 และ จ.ปัตตานี ร้อยละ 51.63 ตามลำดับ
โดยพบว่ายังมีอำเภอที่มีผลการฉีดต่ำกว่าร้อยละ 40 จำนวน 3 อำเภอประกอบด้วย อ.ยะรัง, อ.มายอ และ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ในขณะที่มีผลการฉีดวัคซีนในกลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษาเฉลี่ยร้อยละ 88.48 และกลุ่มนักเรียนร้อยละ 71.85
3.มาตรการรองรับการเตรียมเปิดการเรียนแบบ on site โดยผลจากการประชุมติดตามความคืบหน้าการเปิดการเรียนแบบ on site เมื่อวันที่ 8-9 ธ.ค.64 พบว่ามีโรงเรียนที่สามารถเปิดการเรียนแบบ on site ได้เพียง 104 โรงเรียน จากทั้งหมด 5,528 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 1.8 ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการให้ผ่านเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ กล่าวคือ ต้องมีผลการฉีดวัคซีนในกลุ่มครูและนักเรียนร้อย 85 และชุมชนร้อยละ 70 ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน และอาจส่งผลกระทบต่อการเตรียมตัวสอบเลื่อนชั้นการศึกษา (ป.6, ม.3, ม.6)
โดยล่าสุด ได้นำเสนอปัญหาดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล มติที่ประชุมเห็นชอบให้มีการทยอยเปิดเรียนในบางพื้นที่ บางอำเภอ บางโรงเรียน บางชั้นเรียน ส่วนโรงเรียนในสังกัดสถาบันการศึกษาปอเนาะ ที่มีสถานะเหมือนโรงเรียนประจำ อนุญาตให้เปิดการเรียนได้ โดยจะเข้าทำการตรวจหาเชื้อเชิงรุกแบบ ATK และฉีดวัคซีนเชิงรุกในทุกโรงเรียน
4.ผลจากการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 ครั้งที่ 20/2564 เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ได้มีการปรับลดระดับพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) พร้อมทั้งได้กำหนดมาตรการผ่อนคลายการดำเนินกิจการ / กิจกรรมหลายอย่าง แต่ยังไม่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่อง เพื่อการท่องเที่ยวทั้ง 3 ระยะ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล
แต่ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ปรับลดระดับพื้นที่และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในราชอาณาจักรในลักษณะ TEST & GO (ทางบก) โดยให้ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศทางบกแบบ TEST & GO ในทุกมิติ เช่น ผู้เดินทางต้องฉีดวัคซีนครบโดส, ความพร้อมของด่านตรวจคนเข้าเมือง, การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ใน Day 1 และมีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ, มีระบบการติดตามผ่านแอปพลิเคชั่น "หมอชนะ" และมาตรการ Covid Free Setting โดยเฉพาะสถานประกอบการ ต้องมีมาตรฐาน SHA หรือ SHA+ เป็นต้น โดยในขั้นต้น กำหนดให้มีความพร้อมเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่ 16 ม.ค.65 เป็นต้นไป ทั้งนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบจากการหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทย และมาเลเซีย
ท้ายที่สุด ศบค.ส่วนหน้า ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งกลไกภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้เข้ามามีส่วนร่วม และสนับสนุนในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 5 จังหวดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่กำลังความสามารถ ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ “ศบค.ส่วนหน้า” จบภารกิจ และยุติบทบาทการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ 16 ธ.ค.64 เป็นต้นไป โดยจะส่งมอบงานอำนวยการขับเคลื่อนที่ “ศบค.ส่วนหน้า” ดำเนินการมาแล้วให้ ศบค. ดำเนินการตามปกติต่อไป