ผบ.ตร.ให้ข่าวแล้ว ยอมรับมีเจ้าหน้าที่เข้าข่ายถูกสอบข้อเท็จจริงทางวินัย กรณีหมายจับ“เสี่ยโจ้” หายจากสารบบ รอจเรตำรวจแห่งชาติพิจารณาว่ามีใครเอี่ยวบ้าง ส่วนการส่งหมายจับเป็นไปตามศาลชี้แจง พร้อมสั่งเร่งรัดสำนวน 3 คดีจาก 14 คดีของเสี่ยคนดังที่ยังไม่จบกระบวนความ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้ว เกี่ยวกับผลการสอบสวนขั้นต้นกรณีหมายจับ “เสี่ยโจ้” นายสหชัย เจียรเสริมสิน สูญหายไปจากสารบบ ทำให้ต้องปล่อยตัว “เสี่ยโจ้” เป็นอิสระ ทั้งๆ ที่จับกุมได้แล้ว หลังจากเจ้าตัวหลบหนีมาหลายปี
ผบ.ตร.กล่าวว่า “เท่าที่ทราบจาก ศปก.ตร. (ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เมื่อคืนนี้ ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้รายงานมาแล้ว ซึ่งเมื่อช่วงเช้าผมได้เรียกเข้ามาสอบถามเรื่องที่ให้ภาค 9 รายงานกรณีได้รับหรือไม่ได้รับหมายจับ ตามที่ทาง ศปก.ได้ออกวิทยุสั่งไปในนามของผมจะประมวลเสนอผ่านจเรตำรวจแห่งชาติขึ้นมา”
“เบื้องต้นจากการพูดคุยกันอาจมีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัย ซึ่งทางจเรตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาประมวลเสนอมาว่ามีใครบ้าง ในชั้นต้นเชื่อว่ามีการส่งหมาย เป็นไปตามที่ศาลได้ชี้แจงจริง และมีเจ้าหน้าที่รับไว้ แต่จะดำเนินการเป็นไปตามระเบียบหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องของรายละเอียดที่ต้องสอบวินัยกันไป”
@@ สั่งเร่งรัด 3 คดี “เสี่ยโจ้” ที่ยังไม่จบ
ส่วนกรณีที่ได้สั่งให้สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) ไปสำรวจมาว่าคดีที่ “เสี่ยโจ้” เข้าไปเกี่ยวข้องมีกี่เรื่องนั้น ผบ.ตร. บอกว่า “มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการที่ได้พูดคุยในเบื้องต้น มีอยู่ประมาณ 14 คดี สอบสวนเสร็จแล้ว 11 คดี อีก 3 เรื่อง คือ
1.การสั่งสอบเพิ่มเติมเรื่องการค้าน้ำมันหมื่นกว่ารายการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.) หลังจากนี้จะไปเร่งรัดว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว เข้าใจว่ามีรายละเอียดเยอะกว่าหนึ่งหมื่นรายการ ได้ทำไปถึงไหนแล้ว ติดปัญหาอะไรบ้าง
2.เรื่องการฟอกเงิน ซึ่งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง และเรื่องการสั่งไม่ฟ้องส่งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อเดือน ก.ย.ปีนี้ โดยวันที่ 11 พ.ย. ทาง พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. ก็ได้มีความเห็นแย้งไป
3.คดีที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.
เพราะฉะนั้นมี 3 สำนวนที่เราตรวจสอบถึงวันนี้ที่ยังมีผลอยู่ ส่วนอีก 11 เรื่องเสร็จไปแล้ว ส่วนหมายจับที่ยังใช้ได้คือหมายจับของศาลอุทธรณ์จังหวัดปัตตานีที่บังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่สั่งจำคุก 1 ปี 9 เดือน ก็ต้องไปติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ จะไปไหนก็ต้องติดตามจับ”
@@ อ้างเป็นเรื่องบุคคลบกพร่อง - สั่งขุดอดีตทุกคดี - ไฟเขียวภาค 9 แถลง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังอธิบายถึงปัญหาเรื่องหมายจับที่เกิดขึ้นว่า “ก็อยากให้เข้าใจว่า คนที่บกพร่องก็เป็นการบกพร่องโดยตัวบุคคล ไม่ใช่หน่วยงาน ไม่ใช่ภาพรวมของตำรวจ จะเห็นว่า เรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งใจที่จะทำให้มันกระจ่าง เพราะว่าตอนนี้เราปราบปรามน้ำมันเถื่อน เราก็จับมาโดยตลอด ใครที่เกี่ยวข้องจะเป็นอดีตเก่าอะไรแค่ไหนเราก็จับ เรื่องที่ผ่านๆ มาจะกี่ปีกี่ชาติก็ต้องไปรื้อมาดูให้เรียบร้อย”
“ผมรับปากว่าจะทำให้เรียบร้อย จะเป็นอดีตไหนไม่รู้ ก็ต้องทำให้เรียบร้อยให้ปรากฏข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ใครผิดก็ลงโทษไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร รายละเอียดก็บอกไปแล้วว่า หน่วยที่เกี่ยวข้องก็ต้องลงไปและให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนเป็นครั้งคราว อย่าให้ไปวิจารณ์กันเอาเอง เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด เชื่อว่าในวันพฤหัสบดีที่ 18 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จะมีรายละเอียดแถลงให้สื่อมวลชนทราบ”
@@ ย้อนปมเหตุ “หมายจับอลวน”
สำหรับ “เสี่ยโจ้” หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน เป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน และจำเลยหลบหนีโทษจำคุกในคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอมในการเคลื่อนย้ายไม้เข้ามาในราชอาณาจักร ถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมได้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ย.64 หลังจากเงียบหายไปหลายปี เนื่องจากถูกดำเนินคดีหลายคดี รวมทั้งมีคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอม ซึ่งศาลตัดสินแล้ว
ปัญหามาเกิดเมื่อมีการจับกุม “เสี่ยโจ้” ได้เพียงวันเดียว ตำรวจสอบสวนกลางแถลงข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยตัวเป็นอิสระ เนื่องจากเมื่อนำตัวส่งอัยการจังหวัดสงขลา ในคดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน ปรากฏว่าอัยการแจ้งว่าคดีนี้สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว
ส่วนคดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำคุก “เสี่ยโจ้” เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่ “เสี่ยโจ้” หลบหนีไปจากศาลตั้งแต่ปี 57 นั้น ทางตำรวจสอบสวนกลางอ้างว่าไม่มีหมายจับนี้ และได้ประสานขอหมายจับไปยังศาลจังหวัดปัตตานี แต่กระบวนการล่าช้าจนต้องปล่อยตัว “เสี่ยโจ้” ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของสังคมว่า เหตุใดตำรวจจึงไม่มีหมายจับในคดีที่ “เสี่ยโจ้” ถูกพิพากษาจำคุก
โดยในช่วงแรกฝ่ายตำรวจออกมากล่าวอ้างทำนองว่าไม่มีหมายจับจากศาล ทำให้ภายหลังสำนักงานศาลยุติธรรมต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ได้ส่งหมายไปให้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และ สภ.บ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของ “เสี่ยโจ้” ตั้งแต่ปี 57 และ 58 แล้ว โดยมีตำรวจเซ็นรับหมายจับไปอย่างชัดเจน
จากข้อเท็จจริงนี้ทำให้ ผบ.ตร.ต้องสั่งสอบสวน และหาตัวผู้กระทำผิดหรือบกพร่องมาลงโทษ เนื่องจากทำหมายจับหายไปจากสารบบ จนส่งผลให้ผู้ต้องหาและจำเลยสำคัญได้รับการปล่อยตัว