มีการตรวจสอบความคืบหน้ากรณีผลสอบสวน “หมายจับเสี่ยโจ้” นายสหชัย เจียรเสริมสิน เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน ตามคำประกาศของตำรวจสอบสวนกลาง
หลังมีข่าวว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) สรุปรายงานส่งให้ ผบ.ตร.แล้วตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 15 พ.ย.64 และแจ้งว่า ผบ.ตร.น่าจะแถลงเองในวันอังคารที่ 16 พ.ย.
โดยข้อสรุปของ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 คือ ไม่พบความบกพร่องผิดพลาด ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนการปฏิบัติทุกประการ
เมื่อ “ทีมข่าว” ถามว่า หมายจับหาย ถูกซุก ไม่มีใครผิดเลยหรือ ผบช.ภ.9 ก็บอกว่า ให้รอฟังแถลงพร้อมกันทีเดียวเลย
วันอังคารที่ 16 พ.ย. “ทีมข่าว” ก็รอ ผบ.ตร.แถลง แต่ปรากฏว่า ไม่มีแถลง จึงได้สอบถามไปยังทีมงาน ผบ.ตร. ได้ความว่าพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้แถลง
“ทีมข่าว” ก็เลยโทรศัพท์สอบถามไปยัง พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทราบว่า ท่านป่วย เตรียมผ่าตัด จึงไม่สะดวกตอบ “ทีมข่าว” ก็โทรต่อไปอีก โทรไปที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ปรากฏว่า ปิดมือถือ มีแต่เสียงจากระบบตอบรับให้ฝากข้อความ
“ทีมข่าว” จึงวนไปโทรหา ผบช.ภ.9 เพื่อถามย้ำอีกครั้งว่า งานนี้ไม่มีคนผิดจริงๆ หรือ ท่านตอบสั้นๆ ว่า ขอไม่พูด ให้รอฟังแถลงทีเดียวเลย
สุดท้าย “ทีมข่าว” จึงโทรหา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปรากฏว่า ปิดมือถือเช่นกัน
สำหรับประเด็นที่ ผบ.ตร.สั่งการให้ ผบช.ภ.9 สอบสวนก็คือ เหตุใดหมายจับ “เสี่ยโจ้” ในคดีที่ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาแล้ว ให้จำคุก 1 ปี 9 เดือน และศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืน จนคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งยังได้ส่งหมายจับให้ตำรวจตั้งแต่ปี 2557 และ 2558 ตามลำดับนั้น เหตุใดหมายจับจึงไม่ปรากฏในสารบบ หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความผิดของผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นทางวินัย หรือกฎหมาย ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้เลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องลุ้นว่า ผลสอบจะออกมาว่า “ไม่มีใครผิด” ตามที่ได้ข่าวจาก ผบช.ภ.9 หรือไม่
นอกจากนั้น ผบ.ตร.ยังสั่งให้สำนักงานกฎหมายและคดี หรือ กมค. ตรวจสอบคดี “เสี่ยโจ้” ทุกท้องที่ทั่วประเทศ ว่ามีกี่คดีกันแน่ และกระบวนการอยู่ในขั้นตอนไหนบ้าง โดยมอบหมายให้รายงานไปที่ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบ.ตร. แต่ตลอดทั้งวันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือการแถลงข่าวในส่วนนั้นเช่นกัน
@@ “วิรุตม์” ถาม 5 ข้อ ผบ.ตร.ตอบปม “เสี่ยโจ้”
เมื่อเรื่องราวออกมาคล้ายๆ “มวยล้ม” ในสายตาคนดู พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองจเรตำรวจ และเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หรือ สปยธ. บอกกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า แบบนี้ต้องถาม ผบ.ตร.ว่าเห็นเหมือนกับผลสอบสวนของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 หรือไม่ เพราะอะไร ถ้าไม่เห็นด้วยจะจัดการอย่างไร ทั้งคนบกพร่อง และคนตรวจสอบ
พร้อมกันนี้ยังได้ฝากคำถามไปถึง ผบ.ตร. 5 ข้อ คือ
1.ตำรวจคนใดไม่นำหมายจับเข้าระบบแต่ปี 57-58 เพราะอะไร ทำตามสั่งของใคร ใครรับผิดชอบ หัวหน้าสถานี ผู้บังคับการ หรือผู้บัญชาการ
2.เรื่องนี้เข้าข่ายผิดอาญาและผิดวินัยร้ายแรง เพราะเสียหายต่อราชการอย่างร้ายแรง ต้องดำเนินคดีอาญาและวินัยกับใครหรือไม่?
3.ผบ.ตร.จะควบคุมปัญหาลักษณะนี้อย่างไร? รวมทั้งปัญหาการไม่ตามจับผู้ต้องหาในคดีสำคัญต่างๆ ด้วย เช่น นายตำรวจระดับอดีตผู้กำกับ ร่วมกับคนร้ายปล้นรถขนเงินเมื่อหลายปีก่อน ทุกวันนี้ยังหลบหนีอยู่อย่างลอยนวล มีคนรู้พิกัดด้วย แต่ไม่มีใครตามจับ
@@ กังขาโยงบัญชีส่วยปี 57 จ่ายตำรวจพรึ่บ
4.ปัญหานี้เกี่ยวกับ “บัญชีส่วย” ที่ “เสี่ยโจ้” มีอยู่ และกำความลับของตำรวจผู้ใหญ่ที่ "รับส่วย" ไว้หรือไม่?
เรื่องนี้ “ทีมข่าว” ขยายความเพิ่มว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 57 หลัง “เสี่ยโจ้” หลบหนีคดีที่ศาลตัดสินให้จำคุก มีการเปิดบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้ในเครือข่าย "เสี่ยโจ้" จากบัญชีที่ยึดได้จากการค้นบ้านและสำนักงาน พบข้อมูลการจ่ายตั้งแต่ 100 บาทถึง 12 ล้านบาท โดยจ่าย “ตำรวจน้ำ" มากที่สุด และยังมีหน่วยอื่น เช่น ดีเอสไอ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย พบรายการยิบย่อยทั้งพาเที่ยวรัชดาฯ, ค่าโรงแรม, ค่าเหล้า ไม่เว้นกรทั่งค่าซ่อมเรือ ค่าจัดกิจกรรมวันเด็กของหน่วยตำรวจ แถมมีค่าดูข่าวในศาล และให้ตำรวจยืม
จากข้อมูลนี้ จึงนำมาสู่คำถามข้อ 5 ของ พ.ต.อ.วิรุตม์ ว่า การสอบสวนเรื่องส่วยตามบัญชีที่ปรากฏ ได้ดำเนินการหรือไม่ และไปถึงไหนแล้ว