คลัสเตอร์โควิดที่กำลังสร้างความหวาดผวามากที่สุดคลัสเตอร์หนึ่งในขณะนี้ คือ “คลัสเตอร์มัรกัสยะลา”
การแพร่ระบาดมาจากทั้งกลุ่มคนที่ไปรวมตัวกัน และนักเรียนในโรงเรียนสอนศาสนาในพื้นที่
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า “มัรกัสยะลา” คืออะไร และทำไมถึงกลายเป็นจุดเสี่ยงโควิดได้ วันนี้ “ทีมข่าวอิศรา” มีคำตอบมาฝาก
“มัรกัสยะลา” คือ ศูนย์กลางของกลุ่มดะวะห์ในจังหวัดยะลา ซึ่งว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งรวมมุสลิมสายดะวะห์มากที่สุดของประเทศ
คำว่า “ดะวะห์" หมายถึงการเผยแผ่ศาสนา การออกชักชวนให้มุสลิมช่วยกันทำความดี หักห้ามการทำชั่ว
คนที่ออกเผยแผ่ศาสนา และเดินทางไปชักชวนให้คนอื่นๆ ทำความดี ในทางอิสลามเรียกว่า "ดะวะห์" ถ้าไปกันหลายๆ คนก็เรียก "กลุ่มดะวะห์"
กิจกรรมนี้ไม่ใช่ภาคบังคับตามหลักศาสนา ใครจะทำก็ได้ เมื่อทำแล้วก็จะได้บุญ คนจำนวนหนึ่งเลือกทำในวัยเกษียณ อย่างเช่น คุณลุงชาวสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส (นายช่างเปาะยา) ที่ไปเสียชีวิตบนรถไฟ ช่วงการระบาดของโควิดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว ถ้ายังจำกันได้ กลายเป็นดราม่าที่สร้างความหวาดผวาอยู่ช่วงหนึ่ง
เมื่อพูดถึง “การออกดะวะห์” ก็คือการออกเดินทางไปเผยแผ่ศาสนา สำหรับกลุ่มที่เพิ่งฝึกหัด จะใช้เวลา 3 วัน เมื่อเข้าใจในดะวะห์แล้ว ก็จะออกดะวะห์นานขึ้นเป็น 40 วัน และขั้นสูงสุดเป็นการ “ดะวะห์ประชาชาติ” นั่นก็คือออกดะวะห์ 4 เดือน ไปได้ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ
กลุ่มที่ออกดะวะห์ จะมีการรวมกลุ่มกันของผู้เผยแผ่ศาสนา เรียกว่า “โยร์” ซึ่งมีจัดขึ้นในหลายประเทศ ถ้ายังจำกันได้ “คลัสเตอร์กลุ่มโยร์” ก็เคยเป็นคลัสเตอร์การระบาดระลอกแรกของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว
สำหรับที่ตั้งของ “ศูนย์มัรกัสยะลา” ซึ่งเป็นศูนย์ดะวะห์ใหญ่ที่สุดของประเทศ หากเริ่มจากตัวเมืองยะลา ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ ศูนย์มัรกัสจะอยู่ด้านหลังตลาดเก่า เข้าทางซอยสิโรรส 4
พื้นที่ที่เป็นศูนย์มัรกัสยะลา จะมีทั้งมัสยิด, อาคารรับรอง 2 ชั้น, ลานจอดรถ และโรงเรียนฮาฟิส ซึ่งหมายถึงโรงเรียนสอนท่องจำอัลกุรอาน มีนักเรียนหลายร้อยคน และยังสอนกีตาป ความรู้เรื่องศาสนาแบบในปอเนาะทั่วไปด้วย โรงเรียนแห่งนี้จึงถือเป็นโรงเรียนกินนอนรูปแบบหนึ่ง
ปัญหาของการแพร่ระบาดโควิดก็คือ พื้นที่ของ “มัรกัสยะลา” เป็นพื้นที่เสี่ยงจากพฤติกรรมการรวมตัวกันของกลุ่มดะวะห์ เมื่อมีการแพร่ระบาดในตอนแรก จังหวัดสั่งปิดศูนย์มัรกัสยะลา ทางโรงเรียนในมัรกัสจึงปล่อยนักเรียนกลับบ้าน จุดนี้เองที่กลายเป็นต้นตอการแพร่ระบาดออกนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะนักเรียนที่มาเรียนมีมาจากแทบทุกจังหวัดในภาคใต้ รวมทั้งภาคอื่นๆ ด้วย ไกลที่สุดว่ากันว่ามาจาก จ.เชียงราย
ข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. ที่แถลงช่วงสายของวันจันทร์ที่ 21 มิ.ย.64 มีรายงานการติดเชื้อจาก “คลัสเตอร์มัรกัสยะลา” มากถึง 402 ราย กระจายใน 12 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส 111 ราย ยะลา 102 ราย สตูล 46 ราย ปัตตานี 46 ราย สงขลา 36 ราย กระบี่ 18 ราย พัทลุง 13 ราย นครศรีธรรมราช 10 ราย สุราษฎร์ธานี 9 ราย พังงา 5 ราย ตรัง 3 ราย และภูเก็ต 3 ราย
ข้อมูลจาก ศบค.ยังระบุว่า ประชากรของชุมชนนี้มีประมาณ 3,000-4,000 คน เป็นนักเรียน 500 คน มาจากพื้นที่ 17 จังหวัด กรมควบคุมโรครายงานไทม์ไลน์นักเรียนที่มีพฤติกรรมติดเชื้อจะเป็นการรวมกลุ่มรับประทานอาหารร่วมกัน ทำกิจกรรมทางศาสนาโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และมีการใช้ถาดอาหารหรือแก้วน้ำร่วมกัน
ที่น่าตกใจก็คือ ในจำนวน 12 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ มีภูเก็ตที่กำลังจะเปิดรับนักท่องแที่ยวตามแผน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ในวันที่ 1 ก.ค.ที่จะถึงนี้ด้วย ที่สำคัญผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ เป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์แอฟริกา หรือ “เบต้า” มีข้อมูลยืนยันจากผลตรวจของ ศบค.จังหวัดยะลา และศบค.จังหวัดภูเก็ต
ความน่ากลัวของการแพร่กระจายเชื้อ สังเกตได้จากสำนักจุฬาราชมนตรี ต้องมีหนังสือถึงกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ช่วยกันค้นหาน้กเรียนจาก “มัรกัสยะลา” ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในจังหวัดของตน และไปคลุกคลีกับครอบครัว เพราะเสี่ยงที่จะเป็นการแพร่เชื้อโควิดกลุ่มก้อนขนาดใหญ่