แม่ทัพภาค 4 ตรวจเยี่ยมคลัสเตอร์สะบ้าย้อย สงขลา พบระบาดในกลุ่มเครือญาติหวั่นลามชุมชน ส่งครัวสนามพร้อมกำลังทหารช่วยเหลือ ด้านนายกเล็กนครยะลา เตรียมสั่งวัคซีนชิโนฟาร์ม 25,000 โดสฉีดชาวบ้าน ส่วนปัตตานีอนุญาต “ตลาดน้ำ-โต้รุ่ง-ถนนคนเดิน” เปิดได้ไม่เกิน 4 ทุ่ม
วันจันทร์ที่ 31 พ.ค.64 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) พร้อมด้วย พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5) และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา (ผบ.ฉก.สงขลา) นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมสนับสนุนในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านแกแดะ ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการระบาดในกลุ่มเครือญาติ แล้วขยายสู่คนในชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 177 ครัวเรือน 841 คน ทางจังหวัดจึงประกาศให้มีคำสั่งล็อกดาวน์บ้านแกแดะ ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.- 8 มิ.ย.64
ปัจจุบันทางอำเภอได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการอำเภอสะบ้าย้อย และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอสะบ้าย้อย รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เป็นตามแนวทางของ ศบค. โดยการสนธิกำลังประสานการปฏิบัติร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข บริหารจัดการพื้นที่ตอนใน จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และคัดกรองบุคคล โดยการขอความร่วมมือ “คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า”
โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบอุปกรณ์เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้เจ้าหน้าที่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ จากนั้นจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่และประชาชนจิตอาสา ประกอบอาหารปรุงสุกจาก “รถครัวสนาม” กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 และบรรจุใส่กล่อง Army Delivery ปล่อยขบวนคาราวานรถกว่า 10 คัน บรรจุอาหาร น้ำดื่ม แจกจ่ายให้กับประชาชน และเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจในพื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมสร้างขวัญกำลังใจในวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
พล.ท.เกรียงไกร กล่าวว่า จากการรับฟังสรุป ต้องยอมรับในความตื่นตัวของผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที เพื่อจำกัดเชื้อไม่ให้กระจายในวงกว้างได้ ในส่วนขั้นตอนการรักษาได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน
ในส่วนของกองทัพบกได้ให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวกให้กับทุกพื้นที่ที่เกิดวิกฤติ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวก็ได้สั่งการหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบ จัดตั้ง “รถครัวสนาม” พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ประกอบอาหารให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ซึ่งเป็นหน่วยที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ มีทั้งทหาร ตำรวจ และกำลังภาคประชาชน รองรับกับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว ขอแค่ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เชื่อฟังคำแนะนำ และปฏิบัติตนตามมาตรการ แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
@@ เบตงเฝ้าระวังลอบข้ามแดน รับมาเลย์ล็อกดาวน์ประเทศ
อีกด้านหนึ่งเป็นผลจากวิกฤติโควิดในประเทศมาเลเซีย ที่มีผู้ติดเชื้อหลายพันคนต่อวัน จนทางการมาเลเซียต้องประกาศล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง เป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1-14 มิ.ย.64
โดยในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย หน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ชุดป้องกันชายแดนที่ 4 ตำรวจ สภ.เบตง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ชุดเฝ้าตรวจชายแดน และอส.อำเภอเบตง จึงต้องเพิ่มความเข้ม ออกลาดตระเวนตามแนวกำแพงตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยได้จัดชุดลาดตระเวนทั้งเดินเท้า ตั้งด่านตรวจตามถนนเลียบชายแดน และลาดตระเวนด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของกลุ่มแรงงานไทยและต่างด้าวในมาเลเซีย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำพาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ได้
ทั้งนี้ในพื้นที่ป่าเขาและตามช่องทางธรรมชาติที่ไม่มีกำแพงและรั้วลวดหนามกั้น เจ้าหน้าที่ ตชด. ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4406 ทหาร ชุดป้องกันชายแดนที่ 4 ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจ โดยจัดชุดจรยุทธ์เดินเท้าเข้าไปพักค้างแรมในป่า โดยเฉพาะบริเวณหลักเขตแดนที่ 54/199 ซึ่งอยู่ห่างจากถนนเลียบชายแดนไทยลึกเข้าไปในป่าประมาณ 2-3 กิโลเมตร ไม่มีรั้วลวดหนามและกำแพงคอนกรีต ชาวบ้านที่หาของป่าในพื้นที่มักลักลอบใช้เส้นทางนี้เข้าไปหาของป่าในประเทศมาเลเซีย แต่หลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่ ตชด. ได้เดินลาดตระเวนตลอดเส้นทาง และจัดกำลังไปคอยดักซุ่ม พักแรมค้างคืน เพื่อป้องกันการใช้เส้นทางนี้ลักลอบเข้าประเทศ
@@ ฉก.นราธิวาส ตั้ง บก.ยุทธวิธี เฝ้าระวังชายแดน
พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วยกรมเจ้าท่า, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงเรือลาดตระเวนทางน้ำตลอดแนวลำน้ำสุไหงโก-ลก และให้ พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ลาดตระเวนทางบกช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เช่นกัน พร้อมสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดน สกัดกั้นพื้นที่รับผิดชอบ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส โดยให้หน่วยได้บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด
ทั้งยังได้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ณ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 หมู่ 8 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก และจัดตั้งกองอำนวยการควบคุมการผ่านแดน ณ ด่านศุลกากรสุไหงโกลก เพื่ออำนวยการปฎิบัติงานในการควบคุมพื้นที่รับผิดชอบและเขตพื้นที่ที่เป็นรอยต่อ พร้อมจัดชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ลาดตระเวนทั้งทางบกและทางน้ำ สกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบข้ามแดนมาได้โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ให้มีส่วนร่วมป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่กำลังระบาดอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก
@@ นายกเล็กนครยะลาเตรียมสั่งซิโนฟาร์ม 2.5 หมื่นโดส
วันเดียวกัน ท่ามกลางกระแสองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเคลื่อนไหวเสนอซื้อวัคซีนทางเลือกเพื่อฉีดให้ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ
ที่เทศบาลนครยะลา ได้เปิดประชุมสภาเทศบาลนครยะลาเป็นครั้งแรก หลังจากที่ กกต.ประกาศผลรับรองการเลือกตั้งให้ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลาอีก 1 สมัย โดยการประชุมสภาเทศบาลนครยะลา ครั้งแรกนี้ สมาชิกได้ลงมติเลือก นายสมชัย ฤทธิผลิน เป็นประธานสภาเทศบาลคนใหม่
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดี หลังจาก กกต.ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของเทศบาลนครยะลา ทำให้ตนเองและทีมสมาชิกได้เข้ามาดำเนินงานโครงการต่างๆ ในการพัฒนาเทศบาลนครยะลาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องสำคัญอันดับแรกคือ เรื่องของการควบคุมและป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้
โดยทางเทศบาลนครยะลา ได้ดำเนินการประสานไปยังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนชิโนฟาร์มที่ทางราชวิทยาลัยฯ เตรียมนำเข้ามา 1 ล้านโดส เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา โดยคาดว่าจะมีการสั่งจองจำนวน 25,000 โดส
ทั้งนี้ เทศบาลนครยะลามีการวางแผนโครงการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่สืบเนื่องจากยังไม่ได้มีการรับรองผลการเลือกตั้ง ทำให้โครงการต่างๆ ต้องหยุดชะงักไป
"ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการประสานงาน และขอรายละเอียด พร้อมทั้งรอผลการตอบรับจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับในเร็วๆ นี้ และยังเตรียมวางแผนระบบการจัดการวัคซีน โดยใช้รูปแบบของการจัดตั้งกองทุนวัคซีน อีกทั้งการดำเนินการหาวัคซีนที่เหมาะสมกับเด็กอายุตั้งแต่ 12-18 ปี โดยจะมีการหารือกันหลังจากนี้อีกครั้ง" นายกเทศมนตรีนครยะลา ระบุ
@@ ปัตตานี “ตลาดน้ำ-โต้รุ่ง-ถนนคนเดิน” เปิดถึง 4 ทุ่ม
ส่วนที่ จ.ปัตตานี นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ออกประกาศคำสั่งจังหวัดปัตตานี ที่ (พิเศษ) 32/2564 เรื่องมาตรการผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปัตตานี
โดยกำหนดให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท สามารถใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากได้ โดยพิจารณาตามความจำเป็น
ส่วนร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้บริโภคอาหารและเครื่องดื่มได้ในร้านไม่เกินเวลา 22.00 น. โดยห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์ในร้าน โดยให้ร้านดำเนินการใช้แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus
เช่นเดียวกับตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ โดยให้เปิดร้านและบริโภคอาหารในร้านได้ตามปกติไม่เกินเวลา 22.00 น.
ส่วนที่สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. ขณะที่สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือตั้งอยู่ในที่โล่ง เปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชมในสนาม ห้ามจัดกิจกรรม ซึ่งมีการการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 50 คน
@@โควิดสงขลายังพุ่งไม่หยุด ติดเชื้อเฉียดร้อยต่อเนื่อง
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และ จ.สงขลา ประจำวันจันทร์ที่ 31 พ.ค.64
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 338 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 165 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 5 ราย รอผลตรวจยืนยันอีก 1,382 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 89 ราย, อ.กรงปินัง 41 ราย, อ.เบตง 19 ราย, อ.รามัน 62 ราย, อ.บันนังสตา 35 ราย, อ.กาบัง 4 ราย อ.ธารโต 68 ราย และ อ.ยะหา 20 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 165 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลยะลา 53 ราย โรงพยาบาลเบตง 4 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 1 ราย โรงพยาบาลยะหา 9 ราย โรงพยาบาลสนาม 71 ราย และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กฯ 27 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ 339 ราย รักษาหายแล้ว 281 ราย และเป็นจังหวัดเดียวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
มีผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 11 ราย โรงพยาบาลสนามหนึ่ง 17 ราย โรงพยาบาลสนามสอง 13 ราย โรงพยาบาลสนามสาม 3 ราย โรงพยาบาลโคกโพธิ์ 3 ราย โรงพยาบาลหนองจิก 1 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี 6 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 2 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาแอดมิท 1 ราย และส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 145 ราย, อ.หนองจิก 88 ราย, อ.โคกโพธิ์ 4 ราย, อ.ยะหริ่ง 33 ราย, อ.สายบุรี 22 ราย, อ.ไม้แก่น 2 ราย, อ.แม่ลาน 3 ราย, อ.ยะรัง 14 ราย, อ.ปะนาเระ 15 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 4 ราย และ อ.มายอ 5 ราย ส่วน อ.กะพ้อ ยังเป็นอำเภอเดียวในสามจังหวัดชายแดนใต้และสงขลาที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด
จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21 ราย แยกเป็นในพื้นที่ อ.เมือง 10 ราย (ต.บางนาค, ต.กะลุวอ, ต.มะนังตายอ) อ.ตากใบ 1 ราย (ต.เกาะสะท้อน), อ.สุไหงปาดี 3 ราย (ต.สาวอ, ต.ริโก๋) และ อ.ระแงะ 7 ราย (ต.บาโงสะโต)
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 506 ราย, อ.ระแงะ 38 ราย, อ.รือเสาะ 34 ราย, อ.บาเจาะ 35 ราย, อ.จะแนะ 15 ราย, อ.ยี่งอ 8 ราย, อ.ตากใบ 222 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 8 ราย, อ.สุไหงปาดี 36 ราย, อ.ศรีสาคร 11 ราย, อ.แว้ง 15 ราย, อ.สุคิริน 4 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 2 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 97 ราย แยกเป็นกลุ่มสมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 36 ราย , กลุ่มผุ้ต้องขังเรือนจำ 60 ราย และกลุ่มรอสอบสวนโรค 1 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 1,649 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 1,636 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 13 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 615 ราย รักษาหายแล้ว 1,026 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 8 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน 700 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 876 ราย, อ.เมืองสงขลา 209 ราย, อ.บางกล่ำ 81 ราย, อ.นาหม่อม 15 ราย, อ.จะนะ 174 ราย, อ.รัตภูมิ 17 ราย, อ.สะเดา 30 ราย, อ.สิงหนคร 13 ราย, อ.เทพา 6 ราย, อ.ระโนด 8 ราย, อ.สะบ้าย้อย 17 ราย, อ.นาทวี 6 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 19 ราย, อ.สทิงพระ 2 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 3 ราย, อ.ควนเนียง 1 ราย เป็นกรณีเรือนจำ จ.สงขลา 144 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 15 ราย และจากต่างประเทศ 13 ราย