โรคระบาดโควิดก่อวิกฤติให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ และทุกศาสนา ล้วนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าไม่มีเว้น
พี่น้องมุสลิมที่จังหวัดปัตตานี หนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เจอโควิดกระหน่ำซ้ำเติมสถานการณ์ความรุนแรง เฉพาะที่ปัตตานีมีผู้ติดเชื้อจากการระบาดระลอกใหม่ 7 ราย แถมผู้ติดเชื้อรายล่าสุด ยังมีไทม์ไลน์ไปซื้อของในตลาดสดหน้ามัสยิดกลางปัตตานีด้วย ทำให้เกิดกระแสหวั่นวิตกไปทั่ว
ส่งผลให้อิหม่ามมัสยิดกลางปัตตานี ต้องออกประกาศงดละหมาดตะรอเวียะห์ ซึ่งเป็นการละหมาดตอนค่ำที่มัสยิดหลังละศีลอดในแต่ละวัน ทั้งยังงดละหมาดใหญ่วันศุกร์ รวมไปถึงการ "ละศีลอด" ร่วมกันที่มัสยิดด้วย เพื่อรักษามาตรการเว้นระยะห่าง ไม่ให้มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก จนกลายเป็นความเสี่ยงแพร่ระบาดโควิด
เมื่อมัสยิดแทบจะต้องปิด เพราะงดศาสนกิจแทบทุกประเภท ทำให้พ่อค้าแม่ค้าซึ่งเช่าที่มัสยิดขายของ ต้องนั่งตบยุ่ง ปัดแมลงวัน เนื่องจากไม่มีใครมาหาซื้อสินค้าเลยแม้แต่คนเดียว หลายร้านต้องปิดชั่วคราว เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว
ตามปกติแล้วในเดือนรอมฎอน สินค้าต่างๆ จะขายดี เนื่องจากตามหลักศาสนากำหนดให้มุสลิมต้องไปละหมาดที่มัสยิดหลังละศีลอดทุกคืน ทำให้แต่ละคืนมีคนจำนวนมากไปที่มัสยิด จึงขายของดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้งน้ำหอม หมวกกะปิเยาะห์ ลูกประคำ ผ้าสาระบัน รวมทั้งหนังสือตำราเกี่ยวกับศาสนา แต่ปีนี้เมื่อมัสยิดงดละหมาดใหญ่ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้เลย
มาหามะ ยีกะจิ ซึ่งเช่าพื้นที่ขายของที่มัสยิดกลางปัตตานี เล่าว่า รู้สึกอัดอั้น ไม่รู้จะระบายให้ใครฟัง เพราะเมื่อทราบว่าทางมัสยิดงดละหมาดตะรอเวียะห์ก็เข่าทรุดทันที หมดหวัง เหมือนคนสูญเสียทุกอย่าง เนื่องจากของที่เตรียมมา ขายไม่ออกแน่ ทั้งๆ ทื่เพิ่งลงทุนไปหมื่นกว่าบาท ทุกอย่างจบ ไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และคงไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกๆ ได้ใส่ในวันรายอ
"ผมมีอาชีพค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เช่าล็อคบริเวณมัสยิดในราคา 1 พันบาทต่อเดือน เปิดขายของ ทั้งน้ำหอม หมวกกะปิเยาะห์ ลูกประคำ เถาวัลย์แปรงฟัน หนังสือ ตำรากีตาบ ผ้าโพกสาระบัน เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว 10 คน ปกติทุกเดือนก็ขายของพอกินไปวันๆ แต่เดือนรอมฎอ เป็นฤดูกาลที่จะขายของได้มากกว่าทุกเดือนในรอบปี ก็หวังจะนำเงินตรงนี้มาซื้อชุดรายอให้ลูกๆ มีความหวังว่าจะทำยอดขายได้ จึงนำเงินที่มีทั้งหมดหมื่นกว่าบาทลงทุนซื้อของเข้าร้าน แต่พอประกาศงดละหมาด ทุกอย่างจบ ความหวังหายทันที"
มาหามะ ยอมรับว่า ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีการประกาศงดละหมาดตะรอเวียะห์ และกิจกรรมเปิดบวช หรือละศิลอด ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพราะพอไม่มีคนมาละหมาด ก็ไม่มีใครมาเดินซื้อของ เราก็ขายไม่ได้
"ผมมีอาชีพขายของเล็กๆ น้อยๆ แบบพอเพียง ได้ค่ากับข้าวและส่งลูกเรียนไปวันๆ ไม่ได้หวังรวยอะไร ผมเป็นคนที่ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีพืชสวน ไม่มีกิจการอื่นที่เป็นรายได้เลี้ยงชีพเลยนอกจากขายตรงนี้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ปวดใจร้องไห้ได้อย่างไร" มาหามะอัดอั้นถึงขั้นร้องไห้ออกมา
นายมาหามะ ยีกะจิ ถึงกับร่ำไห้ขณะให้สัมภาษณ์
"เมื่อปีที่แล้วมัสยิดก็ปิดเหมือนกัน แต่ยังได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล พอได้บรรเทาค่าใช้จ่ายในครอบครัวไปบ้าง แต่คราวนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินจากไหนเป็นค่าใช้จ่าย เพราะเงินที่เก็บมาหมื่นกว่าบาทได้นำไปทำทุนซื้อข้าวของเข้าร้านหมดแล้วเพื่อหวังกำไรส่วนนั้น ที่สำคัญช่วงใกล้กับเทศกาลอีดิ้ลฟิตรี (รายอ) ที่จะถึงนี้ ผมจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อชุดรายอให้ลูกทั้ง 10 คน พวกเขากำลังรอผมอยู่ที่บ้าน รอใส่ชุดรายอ แต่ผมไม่มีชุดรายอให้เขาแล้ว เพราะไม่มีใครเข้ามาซื้อของ" พ่อค้าหนุ่มใหญ่สะอึกสะอื้นออกมา
สำหรับการซื้อเสื้อผ้าใหม่ในวันรายอ เป็นประเพณีที่พี่น้องมุสลิมทำกันต่อเนื่องมาทุกบ้าน ทุกครอบครัว จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่เมื่อถึงเทศกาลฮารีรายอ ซึ่งมีปีละ 2 ครั้ง ต้องมีชุดใหม่สวมใส่สำหรับไปละหมาด เยี่ยมญาติ และท่องเที่ยว
ด้าน อีเสาะ อีแต ชาวเมืองปัตตานี บอกว่า รู้สึกแปลกใจกับการปิดมัสยิด เพราะผู้ติดเชื้อโควิดรายที่ 7 ของจังหวัด ไม่ได้แวะมาละหมาดหรือทำกิจกรรมใดๆ ภายในบริเวณมัสยิดกลาง แต่มัสยิดกลับถูกปิด ขณะที่ตลาดยังเปิดได้เป็นปกติ ทั้งๆ ที่ผู้ติดเชื้อไปแวะตลาด
"มันน่าแปลกไหม ทั้งที่มัสยิดก็มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ให้ใส่หน้ากากอนามัย ให้ล้างมือ ให้นำผ้าปูของตัวเองมาละหมาด เพื่อไม่ให้สัมผัสกับใคร แต่ก็ถือเป็นความประสงค์ของอัลลอฮ์ที่จะทดสอบพวกเรา" อีเสาะ กล่าว
ขณะที่ ซัมซัม นาคชูวงค์ พนักงานสาวขายซิมโทรศัพท์หน้าตลาดสดเทศบาลเมืองปัตตานี บอกว่า ไม่รู้มาก่อนว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดรายที่ 7 ของจังหวัดแวะเดินตลาดนี้ เมื่อทราบข่าวก็รู้สึกตกใจมาก เพราะตนมานั่งอยู่ที่นี่ทุกวันเพื่อจำหน่ายซิมโทรศัพท์และซิมอินเทอร์เน็ต จึงต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อสอบสวนโรค เบื้องต้นยังไม่มีอาการใดๆ ยังปกติทุกอย่าง
"ขอให้ทุกคนรอดปลอดภัยจากโควิด" สาวขายซิมโทรศัพท์ กล่าว
และคำอวยพรนี้น่าจะเป็นคำอวยพรยอดนิยมของคนไทยทั่วทั้งประเทศ รวมถึงประชากรโลกทั้งโลกที่ต้องทนทุกข์กับไวรัสโควิด-19 มานานข้ามปี!