เหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดและยิงซ้ำถล่มรถของ "โต๊ะบิหลั่น" และครูโรงเรียนชุมชนบ้านนากัน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เหตุเกิดในท้องที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เหตุการณ์ไม่ได้จบแค่การยิง "โต๊ะบิหลั่น" เสียชีวิต
แต่ข่าวทุกกระแสในพื้นที่ ทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมถึงชาวบ้านเอง บอกว่าเป็นการยิงผิดตัว เพราะเป้าหมายที่แท้จริงน่าจะเป็น "อส.มะ" หรือ อส.มูฮัมหมัดรอรี เจ๊ะเด็ง ที่ฝ่ายคนร้ายต้องการสังหาร
สาเหตุก็เพราะ อส.คนนี้ เลือกยืนข้างรัฐและปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง เคยยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบและปลิดชีพฝ่ายตรงข้ามได้หลายศพ จึงเป็นที่หมายหัวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
และเชื่อหรือไม่ว่า "อส.มะ" เคยโดนโจมตีมาแล้วถึง 5 ครั้ง ทั้งระเบิด ทั้งปะทะและซุ่มยิง แต่ยังรอดมาได้ทุกครั้ง...
"ทีมข่าวอิศรา" เดินทางไปที่บ้านควนลาแม หมู่ 3 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อสัมภาษณ์ "อส.มะ" อส.มูฮัมหมัดรอรี เจ๊ะเด็ง วัย 45 ปี ซึ่งได้รับสมญาว่า "อส.มะ บราโว่" ซึ่งแปลว่า "ผู้กล้า" บางคนก็เรียก "อส.กระดูกเหล็ก" เพื่อต้องการเปิดชีวิตอีกด้านหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะเลือกหนทางยืนอยู่เคียงข้างรัฐ แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยและโดนหมายหัวทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด
"อส.มะ" เล่าถึงประวัติชีวิตของตัวเองว่า ตอนอายุ 12 ปี เข้าเรียนที่ปอเนาะบ้านปาแดรู อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นคนชอบกีฬาชกมวยมาก ถึงขั้นแอบหนีโต๊ะครูไปแข่งขันชกมวย ชกชนะได้เงิน 180 บาท ถือเป็นเงินก้อนแรกที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรกของตัวเองในวัยเด็ก ต่อมาได้ย้ายไปเรียนปอเนาะแถวละแอ (อำเภอเดียวกัน) อีก 10 ปี ก็ยังแอบชกมวยอยู่
"หลังจากเรียนจบ ก็ไปสมัครเป็นทหารเรือ เป็นทหารได้ 2 ปี จากนั้นเคยออกดะวะห์ เดินเท้าเผยแผ่ศาสนา 4 เดือน เดินจากกรุงเทพฯ ไปเพชรบุรี ลงไปจนถึงตากใบ นราธิวาส เคยสมัคร อบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) ได้เป็น อบต. 2 สมัย ตอนเป็น อบต.ปี 2549 ก็เคยถูกคนร้ายยิงถล่ม จึงได้ลาออกมาเป็น อส.เต็มตัวจนถึงทุกวันนี้" อส.มะ เล่าถึงเส้นทางชีวิตช่วงหนึ่งของเขา
อส.มะ บอกว่า ตั้งแต่เป็น อส. และปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ก็ไว้วางใจ และเป็นที่พึ่งพาของชาวบ้าน โดยเฉพาะในยามที่มีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ
"ทุกครั้งที่ผมกลับมาบ้าน ชาวบ้านในพื้นที่จะมาหาตลอด ให้ช่วยเรื่องต่างๆ มีตั้งแต่เรื่องเป็ดหาย วัวคนนี้ไปกินข้าวของคนนั้น หรือเด็กวัยรุ่นลูกหลานชาวบ้านแอบต้มน้ำกระท่อมดื่มกัน ผมก็จะเข้าช่วยเคลียร์ปัญหาเหล่านี้ให้ เคลียร์จบ ชาวบ้านก็ดีใจ"
ด้วยความที่ "อส.มะ" รับผิดชอบพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ และรู้พื้นที่เป็นอย่างดีว่าในกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มีใครเคลื่อนไหวอยู่บ้าง มีชื่อและประวัติทั้งหมด บางคนก็ถูกติดตามจับกุมได้ บ้างก็ยิงปะทะกัน ทำให้ "อส.มะ" ตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐ
"อส.มะ" ยอมรับว่า ตนคือเป้าสังหารที่แท้จริงจากเหตุการณ์ยิงถล่มรถ "โต๊ะบิหลั่น" สาเหตุเพราะรถที่ใช้เหมือนกัน ทั้งยี่ห้อและสีของรถ แถมยังขับสวนกันบนถนนสายเดียวกันที่คนร้ายดักโจมตี ทำให้ "โต๊ะบิหลั่น" ต้องรับเคราะห์แทน ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจ และก็รู้ดีว่าตัวเองตกเป็นเป้า จึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท ทั้งตัวเองและครอบครัว
"ผมยืนยันพันเปอร์เซ็นต์ว่าเขาทำผิดคน เขาต้องการทำผม ชาวบ้านก็คิดแบบนี้ ตอนได้ยินเสียงปืน สิ่งแรกที่ชาวบ้านคิดคือ อส.มะ ตายแล้ว และผมเชื่ออย่างนั้น เพราะหลังรอดจากเหตุการณ์โดนถล่มครั้งที่ 4 มีชาวบ้านมาบอกว่า เขามายิง แต่ผมรอดมาได้ตลอด คราวหน้าเขาเล่นระเบิดแน่ จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมระวังตัวตลอดเวลา พอเกิดเหตุขึ้น ยิ่งมั่นใจว่าเป้าหมายคือผม ไม่ใช่ครูหรือบิหลั่น"
อส.กระดูกเหล็ก ยังบอกอีกว่า หลังจากเกิดเหตุยิง "โต๊ะบิหลั่น" (วันที่ 6 เม.ย.) ถึงตอนนี้ก็ยังมีเพื่อนๆ และคนที่ได้ยินข่าวโทรมาสอบถามไม่หยุด ส่วนใหญ่จะถามด้วยความเป็นห่วง
"ก็ขอบคุณทุกคนที่โทรมาสอบถาม หรือทักมาแสดงความห่วงใยในเฟซบุ๊ก ทำให้เห็นว่าการที่เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง คนจำนวนมากเห็นด้วย ที่สำคัญยึดมั่นต่ออัลลอฮ์องค์เดียว และปฏิบัติตนตามหลักศาสนาอย่างถูกต้อง สิ่งนี้ที่ทำให้ผมรอดมาตลอด"
ชีวิตส่วนตัวของ "อส.มะ" มีภรรยาและลูกสาว 2 คน ลูกชาย 1 คน ซึ่งเขาบอกว่า โชคดีที่ลูกๆ เรียนหนังสือ เป็นเด็กดี ไม่เกเร อีกทั้งลูกๆ ยังมองและยึดเขาเป็นแบบอย่าง โดยครูที่โรงเรียนลูกเคยโทรมาเล่าว่า ลูกเขียนเรียงความว่า พ่อเป็นไอดอลของลูก ทำให้เขาถึงกับร้องไห้ปลื้มใจมาก
"ทุกวันนี้ชีวิตผมมีแต่งานกับครอบครัว ช่วงที่เข้าเวร ก็จะอยู่แต่ในกองร้อย อส. ออกลาดตระเวน รปภ.ครู เช้า-เย็น จากนั้นก็กลับไปพักในกองร้อย วันหยุดก็กลับมาอยู่กับครอบครัว ไม่มีได้โอกาสพาครอบครัวไปกินอาหารนอกบ้านเหมือนคนอื่น แต่ทุกคนก็เข้าใจและพร้อมที่จะอดทน" อส.มะ เล่าถึงชึวิตส่วนตัวกับครอบครัวแสนสุข
"ทั้งเมียและลูกของผม พวกเขาอดทนและเสียสละมาก แต่ผมก็ก็อดกังวลและเป็นห่วงไม่ได้ว่า คนที่ป้องร้ายผม เมื่อทำผมไม่ได้ ก็กลัวจะทำอย่างอื่นต่อครอบครัว ผมก็ขอพรจากอัลลอฮ์ตลอด ทุกคนที่ถามไถ่ก็จะบอกตลอดว่า ขอดุอาให้ครอบครัวของผมด้วย"
นี่เป็นเรื่องราวความมุ่งมั่นและตั้งใจของชายผู้ที่ยอมเสียสละช่วงเวลาความสุขของครอบครัวตัวเอง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ทั้งดูแลพื้นที่ ออกลาดตระเวนป้องกันเหตุร้าย และ รปภ.ครู ยอมแม้กระทั่งตกเป็นเป้าสังหาร เพียงเพราะหวังที่จะให้จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเกิดเมืองนอนมีความสงบสุขและสันติสุข