เทศบาลนครยะลาทุ่มงบ 100 ล้านบาท ซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฉีดฟรีให้ประชาชน 7 หมื่นกว่าคนในพื้นที่ ส่วนนราธิวาสพบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย ส่วนอีกรายที่ อ.รือเสาะ รอ ศบค.แถลงยืนยัน ฉก.นราธิวาส สั่งเข้มชายแดน หลังมหาดไทยผ่อนปรนแรงงานถูกกฎหมาย หวั่นต่างด้าวแฝงทะลักเข้าไทย
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนโควิด หลังจากที่มีการเปิดช่องให้หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดหาและนำเข้าวัคซีนได้ โดยใช้งบประมาณของทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองในการจัดซื้อ เพื่อมาฉีดให้กับประชาชนในท้องที่ของตนเอง ซึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเพียงเทศบาลนครยะลา ที่เป็นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งเดียว ที่มีการเตรียมงบประมาณในจัดซื้อวัคซีคโควิด
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รอบสอง ในพื้นที่ จ.ยะลา ขณะนี้ก็ยังไม่พบว่า มีผู้ติดเชื้อ และยังอยู่ใน 19 จังหวัดที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ ซึ่งก็อาจจะสืบเนื่องมาจากการระบาดรอบแรก ที่มีการทำการคัดกรองเชิงรุก ที่ลงพื้นที่ระดมค้นหาในครัวเรือนทุกครัวเรือน จึงทำให้ยะลายังคงไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19
“ในการจัดซื้อวัคซีน ก็คงจะเห็นว่า มีหลายจังหวัดในขณะนี้จะมีการดำเนินการ ตนเองมีความเชื่อว่า ในปัจจุบันตัววัคซีนของทั้งสองบริษัทที่จะออกมา ก็คงไม่เพียงพอกับการระบาด ทางรัฐบาลก็จะต้องเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด ซึ่งเราจะเห็นในอเมริกา รัฐบาลกลางก็จะเป็นผู้ควบคุมการแจกจ่ายวัคซีน กรณีของไทยวัคซีนก็จะต้องผ่านทางองค์การเภสัชกรรม ในการจัดหาขึ้นมาและแจกจ่าย แต่อย่างไรก็ตามถ้าองค์การเภสัชกรรม หรือกระทรวงสาธารณสุข คิดว่า ทางท้องถิ่นมีความพร้อมในการจัดหาวัคซีน มาบริการให้กับพี่น้องในเขตของตนเอง ทางเทศบาลนครยะลา ก็ไม่ขัดข้อง ที่จะจัดหาวัคซีน มาเติมเต็มในส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับผิดชอบคือประชาชนในเขตของเทศบาลนครยะลา”
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในเขตเทศบาลนครยะลา มีประชากรประมาณ 7 หมื่นคน ตามทะเบียน ก็อาจจะต้องใช้งบประมาณ ไว้ประมาณ 100 ล้านบาท ในการจัดหาวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งในส่วนของเงินสะสมของเทศบาลนครยะลา ขณะนี้ก็มีเพียงพอในการจัดหาวัคซีน แต่ในขณะเดียวกันทางเทศบาลก็จะทำการเร่งตรวจหาคนที่มีเชื้อ ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่น่ากลัวคือคนที่มีเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ จึงจะต้องมีการวางแผนในการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีใหม่ ที่มีความรวดเร็ว และเชื่อถือได้
ด้าน น.ส.รอฮานา กามา ชาวบ้านเขตเทศบาลนครยะลา กล่าวหลังจากรู้ข่าวการจัดซื้อวัคซีนโควิดของเทศบาลนครยะลาว่า รูสึกดีใจมาก ถ้ามีวัคซีนพวกเราทุกคน ชาวเทศบาลไม่ต้องกลัวโควิดอีกต่อไป แต่ก็อยากให้ทุกคน เฝ้าระวังและป้องกันตัวเอง อย่างต่อเนื่องแม้จะมีวัคซีน เพราะเราก็ยังไม่รู้เลยว่า วัคซีนมาจะสามารถป้องกันได้ทั้งหมดหรือเปล่า อาจจะต้องทำรวมๆ ทั้งฉีดวัคซีนพร้อมๆ กันป้องกันตัวเองด้วยเพื่อความไม่ประมาณ ก็อยากขอบคุณนายกเทศบาลมากที่เห็นความสำคัญ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดไม่ต่างจากเรื่องปากท้องของประชาชน
ขณะที่นางแอเสาะ ลีมามุ ชาวบ้านเขตเทศบาลเมืองปัตตานี กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงเทศกาลจะเลือกตั้งเทศบาล ถือเป็นเรื่องที่ดีถ้าผู้นำเทศบาลมีวิสัยทัศน์มองชาวบ้านเป็นที่ตั้ง วัคซีนสำคัญจะดีมาก ถ้าทำเหมือนนายกยะลา ไม่ว่าจะทำโดยมีเป้าหมายอะไรก็แล้วแต่ สำคัญคือ ทำแล้วชาวบ้านได้ประโยชน์ก็สมควรทำ เห็นด้วยมากเลยที่ทำแบบนี้
ส่วนนายมีสกัน สาและ ชาวบ้านเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี ใครบ้างไม่อยากได้วัคซีน อยากให้ทุกจังหวัด ทุกหน่วยงานมีวัคซีนให้ชาวบ้านคนไทยทุกคน เราจะได้มาต่อสู้กับโควิด แค่เรื่องเศรษฐกิจพอไม่ต้องมานั่งกลัวว่า จะติดโควิด ขอเรียกร้องให้รัฐบาล เห็นความสำคัญตรงนี้
@@นราธิวาสพบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย ส่วนอีกรายที่ อ.รือเสาะ รอ ศบค.แถลงยืนยัน
วันที่ 14 ม.ค.64 ทางศูนย์ EOC จังหวัดนราธิวาส สรุปสถานการณ์ COVID-19 ในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีการพบผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 29 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากมาเลเซียผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามายังประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 ม.ค.64 ได้แจ้งเจ้าหน้าที่พบมีอาการผิดปกติ ซึ่งผลการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ วันที่ 13 ม.ค.64 พบเชื้อและมีอาการถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก
นอกจากนี้ยังมีรายงานเกี่ยวกับการพบบุคคลติดเชื้อโควิดรายใหม่ ซึ่งเป็นผู้กักตัวอยู่ที่ กกท.จ.นราธิวาส โดยเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ผลการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ( swab) ของบุคคลรายดังกล่าว ในครั้งที่ 1 ตรวจพบเชื้อและได้ถูกย้ายตัวเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะต้องรอทาง ศบค.แถลงยืนยันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
สำหรับบุคคลติดเชื้อรายนี้ มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และไปทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งในวันที่ 8 ม.ค.64 ได้เดินทางขึ้นรถไฟที่ศาลายา จ.นครปฐม และเดินทางมาถึง สถานีรถไฟรือเสาะ จ.นราธิวาส ในวันที่ 9 ม.ค.64 และเข้ารับการคัดกรองกับทางสาธารณสุขอำเภอรือเสาะ และถูกส่งมาทำการกักตัวที่ กกท.จ.นราธิวาส
ซึ่งหลังจากทางสาธารณสุขอำเภอรือเสาะทราบผลการตรวจติดเชื้อ จึงได้มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงใกล้ชิดกับบุคคลติดเชื้อรายดังกล่าว มาทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ( swab) ที่โรงพยาบาลรือเสาะ รวมทั้งหมด 7 คน
@@คุมเข้มชายแดน หลัง มท.ผ่อนปรนแรงงาน หวั่นต่างด้าวทะลักเข้าไทย
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ ( 14 ม.ค.64 ) พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธานการประชุมกำหนดมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยมี พ.ท.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ30 , ฝ่ายปกครอง ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวเข้าร่วมการประชุม ณ ที่ทำการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ( หน่วยเฉพาะนราธิวาส 30) ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส
พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า จากการที่กระทรวงมหาดไทยออกประกาศ เรื่อง อนุญาตให้แรงงานต่างด้าว บางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ระลอกใหม่ ซึ่งมติรัฐมนตรีเห็นชอบการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ( กัมพูชา ลาว เมียนมา) อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานถูกต้องตามกฏหมายเป็นกรณีพิเศษได้ จากกรณีดังกล่าวหวั่นว่าแรงงานต่างด้าวซึ่งอยู่ในประเทศมาเลเซียที่ได้ปิดประเทศอยู่ จะทำการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนไทย - มาเลเชีย และช่องทางธรรรมชาติ จึงได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดนสกัดกั้น เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน ในพื้นที่รับผิดชอบ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส
โดยทางหน่วยได้บูรณาการคนและเครื่องมือร่วมกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด การเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจและจุดสกัด การจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งชี้แจง สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่า COVID-19 และให้สร้างแรงจูงในการแจ้งข้อมูลข่าวสารขบวนการนำพา เช่น กรณีจับคนนำพาและยึดเรือหรือยานพาหนะ จะมีการมอบรางวัลให้ แต่หากพบเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการลับลอบการนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด