โรงเรียนมานะศึกษา จ.ยะลา เตรียมพร้อมเปิดการเรียนการสอนสัปดาห์หน้า หลัง สสจ.ยะลา ยืนยันครูไปทัศนศึกษาเชียงใหม่ปลอดภัย ไร้โควิด ส่วน อ.เบตง ตรวจคัดกรองชาวไทยพ้นโทษจากมาเลย์ 34 คน ส่งเข้ากักตัวตามมาตรการสกัดโรคระบาด
จากกรณีโรงเรียนมานะศึกษา จ.ยะลา ได้มีประกาศปิดการเรียนการสอน 1 สัปดาห์ หลังจากมีข่าวครูที่ไปทัศนศึกษาที่เชียงใหม่จุดเดียวกับที่มีนักท่องเที่ยวติดโควิดไปเยือน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
วันที่ 13 ม.ค.64 นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้กล่าวถึงกรณีของโรงเรียนมานะศึกษาว่า ในเบื้องต้นคุณครูได้ไปตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลแล้วไม่พบการติดเชื้อ (ผลตรวจเชื้อ เป็น ลบ) และผู้บริหารได้สั่งปิดโรงเรียนในช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น เพื่อดำเนินการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างเต็มที่ อีกทั้งเพื่อให้สอดรับกับการกักตัว จำนวน 14 วัน ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดของกระทรวงสาธารณสุขด้วย
“จากข้อมูลที่ได้รับรายงานในกรณีดังกล่าว พบว่า ช่วงวันเวลาที่คณะครูเดินทางไปทัศนศึกษา ศบค.ยังไม่ได้ประกาศให้ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดพื้นที่เสี่ยง ดังนั้นประชาชนจึงเดินทางไปได้ปกติ ซึ่งเปรียบเทียบไทม์ไลน์การไปในสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งเดียวกันกับผู้ป่วยโควิด ยืนยันว่าเป็นคนละวันกัน จึงไม่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย หลังกลับถึงยะลา คุณครูจำนวน 4 ท่านในคณะ ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจเป็นลบไม่พบเชื้อทั้ง 4 ท่านและปิดโรงเรียน เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค รวมถึงคณะครูกักตัวสังเกตอาการ 14 วันและปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันฯ กระทรวงสาธารณสุข จึงถือว่า ในขณะนี้บุคคลในกรณีดังกล่าวเป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำ ปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำและอยู่ในการดูแล ติดตามของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จึงขอให้ผู้ปกครองคลายความกังวลและนักเรียนมาโรงเรียนได้ตามปกติในวันเปิดเรียน”
ภายหลังจากที่นายแทพย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ยืนยันว่า ครูไม่มีเชื้อโควิด-19 จากการไปทัศนศึกษา ล่าสุดทางโรงเรียนมานะศึกษา จ.ยะลา ได้เตรียมการเพื่อเปิดทำการเรียนการสอนในสัปดาห์หน้า โดยบรรดาครูพร้อมด้วยบุคลากรเร่งทำความสะอาดโรงเรียน เพื่อให้ทันเปิดเรียนในสัปดาห์หน้า
@@เบตงคัดกรองโควิดชาวไทยพ้นโทษจากมาเลย์ 34 คนเข้ากักตัว
วันที่ 13 ม.ค.64 ทางเจ้าหน้าที่กองอำนวยการร่วมประสานงานประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ได้สวมชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคลหรือชุด PPE สำหรับทำการเข้ารับตัวอดีตผู้ต้องขังคนไทยที่พ้นโทษจากการถูกจำคุกในเรือนจำรัฐเคดาห์และผ่านการสถานกักตัวจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 34 คน และแรงงานไทยในมาเลเซีย อีก 2 คน รวม 36 คน ที่ด่านเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองตามมาตรการควบคุมโรค ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เพิ่มความเข้มในการคัดกรองอดีตผู้ต้องขังคนไทยที่เดินทางมาจากเรือนจำประเทศมาเลเซียและเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพนักงานขับรถบรรทุกสินค้าจากประเทศมาเลเซียที่เข้า - ออกด่านพรมแดนเบตง ภายหลังจากประเทศมาเลเซียได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
นายสุริยา บุญพันธ์ ปลัดอาวุโสรักษาการแทนนายอำเภอเบตง กล่าวว่า สำหรับคนไทยทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ต้องผ่านการคัดกรองตั้งแต่ย่างเข้าสู่ประเทศไทย โดยต้องผ่านการฉีดยาฆ่าเชื้อ ตรวจสัมภาระ ซักประวัติ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมกักตัว 14 วัน ที่ศูนย์ Local Quarantine ประจำอำเภอเบตง โดยวันนี้มีอดีตผู้ต้องขังคนไทยและแรงงานไทย เข้ารับการกักตัวที่ Local Quarantine ประจำอำเภอเบตง 15 คน ส่วนที่เหลือจะถูกส่งตัวไปที่ศูนย์ Local Quarantine ตามภูมิลำเนา
ส่วนพนักงานขับรถและผู้ติดตามประจำรถบรรทุกสินค้าทางการเกษตรจากประเทศมาเลเซีย ที่เข้า-ออก ทางด่านเบตง ต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตงและปฎิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรค COVID-19 สวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง ทำประวัติกรอกแบบฟอร์ม คนขับรถจากประเทศมาเลเซีย ให้สามารถติดตามตัวได้ พร้อมทั้งควบคุมคนขับรถไม่ให้เข้าไปในชุมชน ผ่านการคัดกรองอย่างเข้มข้น และอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 7 ชั่วโมง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้กำหนดขอบเขตจำกัดบริเวณ หากมีความจำเป็นอยู่เกินต้องขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ โดยจะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ส่วนในประเทศมาเลเซีย ก็ห้ามคนขับรถคนไทยอยู่เกิน 7 ชั่วโมงเช่นกัน
แรงงานไทยที่เดินทางกลับมารายหนึ่ง กล่าวว่า หลังจากประเทศมาเลเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทำให้บรรยากาศในเมืองที่ตนอาศัยอยู่ค่อนข้างเงียบเหงา มีการจำกัดการเดินทางของประชาชน ผู้คนจะอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ทำให้รายได้ลดลง จึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเพราะคิดถึงครอบครัว แล้วค่อยเริ่มต้นหางานใหมทำต่อไป