มีประเด็นที่ "ทีมข่าวอิศรา" เกาะติดอย่างต่อเนื่อง คือเรื่องที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น "มาตรการจัดระเบียบสังคม" ของพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ก็ได้ แต่ที่นั่นเรียกว่า "ฮูกมปากัต" หรือ "กฎชุมชน" เพื่อแก้ไขปัญหาวัยรุ่นมั่วสุม มั่วเพศ จนก่อปัญหาสังคมอย่างหนัก
การจัดระเบียบสังคม แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องดี แต่ที่ อ.ยะหา กลายเป็นกระแสวิจารณ์ เพราะมีการออกประกาศโดยตำรวจ สภ.ยะหา ว่า ถ้าพบเห็นชายหญิงอยู่กันตามลำพังในที่ลับตาคน แล้วกระทำไม่เหมาะสมเชิงชู้สาว จะดำเนินการ 2 อย่าง คือ
1. ตามพ่อแม่ และผู้นำศาสนามาตักเตือน พร้อมจัดพิธีแต่งงานให้ตามหลักศาสนา
และ 2. ดำเนินคดี หากมีกรณีกระทำอนาจาร หรือล่วงละเมิดทางเพศ
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นวิจารณ์อย่างหนัก จนถูกขนานนามว่าเป็นกฎ "ชู้สาวจับแต่งงาน" มีนักสิทธิมนุษยชนออกมาคัดค้าน อ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ฝ่ายหญิง เพราะการจับแต่งงานโดยที่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม อาจทำให้เกิดการหย่าร้าง และมีปัญหาสังคมตามมา ลูกเต้าไม่มีคนเลี้ยงดู
แต่อีกด้านหนึ่งก็มีกระแสสนับสนุนเช่นกัน ทั้งจากชาวบ้านทั่วไปที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของวัยรุ่นและกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่ มีการรวมตัวไปให้กำลังใจ พ.ต.อ.สายูตี กาเตะ ผู้กำกับการ สภ.ยะหา ถึงโรงพัก พร้อมประกาศเชียร์ให้ใช้กฎ "ฮูกมปากัต" ต่อไป
@@ เปิดที่มา "ฮูกมปากัต" หวังจัดการปัญหาค้าประเวณี
นอกจากการรวมกลุ่มไปให้กำลังใจผู้กำกับการ สภ.ยะหา แล้ว ทีมข่าวยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ จ.ยะลา มีปํญหาเด็กผู้หญิงขายประเวณีด้วย โดยใช้ช่องทางส่งข้อความเชิญชวนให้ซื้อบริการทางแอปพลิเคชั่นไลน์ โดยการขายประเวณีเกิดขึ้นหลายพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ราคาที่มีการเสนอขายกัน เริ่มตั้งแต่ครั้งละ 100 บาทไปจนถึง 1,500 บาทถึง 2,000 บาท
ทีมข่าวนำข้อมูลนี้ไปสอบถามกับผู้กำกับการ สภ.ยะหา ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง
"ก่อนประกาศใช้ฮูกมปากัต ได้ข้อมูลจากอิหม่ามประจำมัสยิดว่า ไม่ไหวแล้ว ต้องให้ตำรวจมาช่วย เพราะในพื้นที่มีการค้าประเวณีกันทุกคืน เมื่อตำรวจออกไปตรวจ ก็พบว่าเป็นความจริง มีเด็กจากนอกพื้นที่มาใช้พื้นที่ปั๊มน้ำมันเป็นจุดนัดพบ และตกลงราคา จากนั้นก็พลอดรักกัน และขึ้นไปกระทำอนาจารบริเวณจุดชมวิว บนภูเขาบูเก๊ะปาเระ ซึ่งมีหอชมดวงจันทร์ ใช้ในกิจกรรมดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันสำคัญทางศาสนา"
นี่เป็นข้อมูลตรงจากผู้กำกับการ สภ.ยะหา และว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ตอนเช้าๆ ก็เจอถุงยางอนามัยเกลื่อนหลายจุดบนภูเขา ทำให้อิหม่ามประจำมัสยิดและชาวบ้านในพื้นที่รับไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มวัยรุ่นที่เสพยาเสพติดก่อเหตุรุมโทรมเด็กสาว รวมทั้งมีการทะเลาะวิวาทกัน จนมีการยิงกันเสียชีวิตมาแล้ว
@@ อิหม่าม-ผู้นำท้องที่-เจ้าของปั๊ม สะท้อนปัญหา
ข้อมูลของ พ.ต.อ.สายูตี สอดคล้องกับผู้นำศาสนาอย่าง นายสุทธิมาตร มาหามัด อิหม่ามประจำมัสยิดกลาง อ.ยะหา จ.ยะลา ที่บอกว่า ในพื้นที่มีการทำผิดประเวณี จริง เคยมีเหตุการณ์นำเด็กแรกเกิดไปทิ้งถังขยะ ทิ้งโถส้วม ทำให้กรรมการมัสยิดไม่สบายใจมากๆ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของศาสนาอิสลาม จึงต้องหาทางแก้ไข และได้หารือจนได้รับความร่วมมือจากทางตำรวจ จึงสามารถลดปัญหาลงไปได้
ทีมข่าวฯ ตามไปสำรวจบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.ยะหา ที่ฝ่ายตำรวจระบุว่ามีวัยรุ่นหญิงชายนัดพบกัน และตกลงกันเพื่อซื้อขายประเวณี
อาซีซ๊ะ หะยีแวเต๊ะ เจ้าของปั๊มน้ำมัน ให้ข้อมูลว่า พื้นที่ของปั๊ม มีวัยรุ่นมามั่วสุมกันจริง เป็นปัญหามานานกว่า 1 ปีแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันถึงขั้นมีคนตาย แต่ตอนหลังมีการใช้กฎ "ฮูกมปากัต" ทำให้ดีขึ้น วัยรุ่นที่มั่วสุมก็หายไป
ขณะที่ นายอาดีละ อาบู ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต.ยะหา อ.ยะหา กล่าวว่า ทราบเรื่องค้าประเวณีมาตลอด แม้จะไม่ได้รับข้อความเสนอขายประเวณีด้วยตัวเอง แต่ก็มีคนรู้จักที่ได้ข้อความเชิญชวน ตนจึงตัดสินใจร่วมกับเจ้าหน้าที่และฝ่ายต่างๆ เพื่อบังคับใช้ "กฎชุมชน" กระทั่งสามารถจับกุม ตักเตือนผู้กีระทำผิดได้ โดยคนที่จับได้เป็นเด็กนอกพื้นที่ทั้งหมดที่เข้ามามั่วสุมกัน
@@ ผู้นำศาสนาหนุนหารือสำนักจุฬาฯ - "ฮูกมปากัต" ทั้งจังหวัด
ด้าน นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ปัญหาการค้าประเวณีในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ในสังคมของความเป็นมนุษย์ ซึ่งในประเทศอินโดนีเซียหลายๆ ที่ก็มีการค้าประเวณี ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และหากไม่เกิดขึ้นวันนี้ วันหนึ่งข้างหน้าก็ต้องเกิดขึ้น ปัญหาคือเราจะจัดการอย่างไรมากกว่า ตนคิดว่าในแง่หนึ่งก็ต้องกลับไปที่ผู้ปกครองว่าจะจัดการกับปัญหาของครอบครัวตนเองอยางไร และคิดว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของทุกคน ทั้งครอบครัว ชุมชน ตลอดจนผู้รับผิดชอบทางกฎหมาย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายนิมุ มะกาเจ ผู้นำศาสนาชื่อดังที่ได้รับการยอมรับในพื้นที่ และยังเป็น "ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา" โดยนายนิมุ บอกว่า จังหวัดยะลาเคยใช้กฎ "ฮูกมปากัต" มาแล้ว แต่เป็นการดำเนินการในระดับจังหวัด โดยความร่วมมือของจังหวัด, สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด, กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, องค์กรภาคเอกชน รวมทั้งมูลนิธิและอาสาสมัคร เพื่อแก้ปัญหาการมั่วสุมกันของวัยรุ่น และป้องกันการกระทำผิดประเวณี
สาเหตุที่ต้องทำก็เพราะมีการกระทำผิดในลักษณะชู้สาวตามพุ่มไม้ในบริเวณสวนขวัญเมือง และสถานที่ลับตาต่างๆ ในจังหวัด รวมทั้งบ้านเช่า และห้องเช่าของนักศึกษา ฉะนั้นเรื่องที่ อ.ยะหา จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เคยทำมาแล้ว และเลิกไปเมื่อคณะทำงานที่เป็นข้าราชการย้ายไปพื้นที่อื่น ฉะนั้นถ้าปัจจุบันจะรื้อฟื้นขึ้นมาทำใหม่ ก็ควรทำในนามจังหวัด และหารือกับสำนักจุฬาราชมนตรีด้วย