พบการลักลอบข้ามแดนจากมาเลเซียหนีตรวจคัดกรองโควิดเข้าไทยซ้ำอีก 2 รายที่นราธิวาสและสตูล ฮือฮา! สุไหงโก-ลกจับหนุ่มใหญ่เสือเหลืองดอดเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ตามรวบ พร้อมยึดของกลางทั้งเรือและรถมอเตอร์ไซค์ ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมยังคงที่
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมายังพบมีผู้ลักลอบข้ามแดนจากฝั่งมาเลเซียเข้ามาในประเทศไทย โดยหลบเลี่ยงการตรวจคัดกรองโควิด-19 อยู่อย่างต่อเนื่อง
จากสถิติของคนไทยในมาเลเซียเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.63 มีจำนวนทั้งหมด 86 คน เป็นผู้ที่ผ่านแดนโดยมีหลักฐานถูกต้องและเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโควิด-19 จำนวน 84 คน และผ่านเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 2 คน แยกตามจุดผ่านแดนถาวรทั้ง 5 แห่งดังนี้
1.ด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มีผู้ผ่านแดนอย่างถูกต้องจำนวน 7 คน มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ปัตตานี 2 คน จ.ยะลา 1 คน จ.นราธิวาส 2 คน และเป็นคนนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 คน ส่วนผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายมี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.นราธิวาส
2. ด่านเบตง จ.ยะลา มีผู้ผ่านแดนอย่างถูกต้อง จำนวน 4 คน มีภูมิลำเนาใน จ.ปัตตานี 1 คน จ.ยะลา 2 คน และเป็นคนนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1 คน
3.ด่านสะเดา จ.สงขลา มีผู้ผ่านแดนอย่างถูกต้อง จำนวน 26 คน มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ปัตตานี 3 คน จ.ยะลา 2 คน จ.นราธิวาส 1 คน จ.สงขลา 3 คน จ.สตูล 1 คน และเป็นคนนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 16 คน
4.ด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล มีผู้ผ่านแดนอย่างถูกต้องจำนวน 47 คน มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.ยะลา 3 คน จ.สงขลา 3 คน จ.สตูล 12 คน และเป็นคนนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 29 คน ส่วนผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายมี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.สตูล
5.ด่านตำมะลัง จ.สตูล ปิดด่าน ผลตรวจคัดกรองโรคไม่พบผู้มีอาการเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค
ด้านข้อมูลจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดถึงวันที่ 12 ธ.ค.63 พบว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมคงเดิม คือ 423 ราย มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรักษาหายแล้วรวม 417 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรักษา 1 รายและผู้เสียชีวิตรวม 5 ราย แยกเป็น จ.ยะลา 134 ราย (อยู่ระหว่างรักษา 1 ราย รักษาหาย 131 ราย เสียชีวิต 2 ราย) จ.ปัตตานี 94 ราย (รักษาหาย 93 ราย เสียชีวิต 1 ราย) จ.นราธิวาส 43 ราย (รักษาหาย 41 ราย เสียชีวิต 2 ราย) จ.สงขลา 134 ราย (รักษาหาย 134 ราย) และ จ.สตูล 18 ราย (รักษาหาย 18 ราย)
ส่วนเหตุการณ์ลักลอบข้ามแดนจากมาเลเซียเข้ามายังฝั่งไทย โดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นอยางต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก พร้อมกำลัง 3 ฝ่ายร่วมจับกุม นายอัสฮา บินอับดุลเลาะมาน อายุ 53 ปี ชายสัญชาติมาเลเซีย อยู่บ้านเลขที่ 11173 ต.กูวากูเล็ง อ.ปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ขณะลักลอบเดินทางเข้ามาประเทศไทยทางเรือของผู้นำพาชาวไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ บริเวณท่าข้าม บ้านท่าทราย หมู่ 7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางเรือไฟเบอร์ จำนวน 1 ลำ และรถจักรยานยนต์ 1 คันที่นายอัสฮาเตรียมใช้เดินทางในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อไปหาภรรยา ที่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก
นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวว่า พฤติกรรมของนายอัสฮา คือ ตั้งใจจะเดินทางเข้ามาใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อนำเงินมาให้ภรรยาไว้ใช้จ่าย จึงได้ติดต่อผ่านนายหน้าที่อยู่ในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จากนั้นได้ว่าจ้าง "ผู้นำพา" ซึ่งเป็นคนไทยด้วยค่าจ้าง 30 ริงกิต หรือประมาณ 270 บาท แต่ด้วยมาตรการป้องกันชายแดนที่เข้มงวด ทางกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 ชุดควบคุมป้องกันชายแดน พร้อมหน่วยกำลังในพื้นที่ตรวจพบ จึงเข้าทำการจับกุมและส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้นำพา ขณะนี้ทราบชื่อแล้วและเตรียมออกหมายจับ และจะมีการปิดท่าข้าม บ้านท่าทราย รวมถึงจุดผ่อนปรนที่พบมีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย
นายอัสฮา บินอับดุลเลาะมาน ผู้ต้องหาชาวมาเลเซียที่ถูกจับกุม กล่าวว่า ทราบว่าประเทศไทยมีความเข้มงวดในการป้องกันบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง แต่เข้าใจว่าเมื่อมีการจับกุมแล้ว จะกักตัว 14 วัน และเปรียบเทียบ จากนั้นผลักดันกลับประเทศ จึงยอมเสี่ยงที่จะเข้ามา รู้สึกเครียดมากที่ถูกจับกุม เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องทำอย่างไร และอยากขอโอกาสได้กลับประเทศแล้วจะไม่ลักลอบเข้ามาประเทศไทยอีก