ชายแดนใต้ยังป่วนต่อเนื่อง ปักษ์แรกเดือน พ.ย. มีลอบวางระเบิดชุด รปภ.ครู อย่างน้อย 2 ครั้งในนราธิวาส ดักยิงอีกหลายเหตุการณ์ พบระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ถังแก๊ส พร้อมท่อเหล็กชุดใหญ่
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นประปรายเป็นระยะ แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวในระดับประเทศมากนัก โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย.63 เวลา 15.50 น. กองบังคับการกองร้อยทหารพรานที่ 4608 (ร้อย ทพ.4608) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน ว่าเกิดเหตุระเบิดบริเวณริมถนนในหมู่บ้าน บ้านสาวอฮีเล หมู่ 6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบคนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ในท่อลอดใต้ถนนในหมู่บ้าน ก่อนกดจุดชนวนระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนที่เข้าไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวของ นายยีดิง บินวาแม ผู้นำชุมชน และอดีตอุสตาซโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ โดยบ้านของนายยีดิงอยู่ท้องที่ 5 บ้านบือเจาะ ต.สาวอ อ.รือเสาะ โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนไปร่วมงานแต่งงานเรียบบร้อยแล้ว กำลังเดินทางกลับ แต่ระหว่างทางขากลับถูกคนร้ายลอบวางระเบิดโจมตีจนรถรถกระบะที่ใช้เป็นพาหนะเสียหายจนไม่สามารถแล่นต่อได้ แต่โชคดีที่กำลังพลไม่ได้รับบาดเจ็บ และไม่ถูกโจมตีซ้ำ สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะระเบิดทำงานไม่เต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ กำลังพล ร้อย ทพ.4608 ได้นำรถหุ้มเกราะล้อยางรีว่า และกำลังภาคประชาชนปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บวัตถุพยานต่างๆ เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานหาตัวคนร้ายต่อไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
สำหรับนายยีดิง เคยเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุระดับปฏิบัติการ แต่ภายหลังได้ยุติบทบาท และหน่วยงานความมั่นคงได้พยายามเข้าไปพูดคุย โดยครั้งนี้ได้เข้าไปร่วมงานแต่งงานลูกสาว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมมวลชน ซึ่งอาจทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบไม่พอใจ และปฏิบัติการลอบวางระเบิดขึ้น
ยิงถล่มหน้าโรงเรียนที่มายอ คาดปมหักยาเสพติด
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 14 พ.ย.ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เข้าตรวจสอบเหตุการณ์คนร้ายจำนวน 3-4 คน ใช้รถกระบะสี่ประตูสีดำ และรถยนต์เก๋งสีดำเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนลอบยิง นายซูไฮมี ยูโซะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 บ้านโคกกอ หมู่ 3 ต.ลูโบะยิไร อ.มายอ เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตะบิงตีงี ทำให้นายซูไฮมีได้รับบาดเจ็บสาเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเก็บหลักฐานวัตถุพยาน และสันนิษฐานเบื้องต้นว่าสาเหตุน่าจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เรื่องยาเสพติด
วันเดียวกัน ในพื้นที่ อ.มายอ ยังเกิดเหตุคนร้ายลอบเผารถแบคโฮที่รับงานจ้างปรับปรุงคูระบายน้ำของมัสยิด ในพื้นที่บ้านบาละแต หมู่ 4 ต.ลางา โดยขณะเกิดเหตุรถแบคโฮจอดอยู่ด้านหลังมัสยิด ทำให้ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบเผา
พบระเบิดถังแก๊ส ท่อเหล็ก สายไฟ ฝังดินรถบึ้มป่วน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พ.ย. ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4903 ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยและรอยขุดดิน ในป่าละเมาะท้องที่ หมู่ 8 บ้านสกูปา ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จึงประสานชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบ พบระเบิดแสวงเครื่องและอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก จึงเก็บกู้ไปตรวจสอบหาตัวผู้เกี่ยวข้อง โดยอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่พบ ได้แก่
1. ถังแก๊สขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม ประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักระเบิด 4 กิโลกรัม จำนวน 2 ถัง
2. ท่อเหล็กประกอบระเบิด ขนาดยาว 32 เซ็นติเมตร กว้าง 14 เซ็นติเมตร
3. สายไฟอ่อน จำนวน 2 ม้วน ยาว 200 และ 50 เมตร
4. น้ำมันเบนซินจำนวน 1 ลิตร
ยิงชาวสวนยางดับ - ดักบึ้มชุด รปภ.ครู ระแงะ
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พ.ย. เวลาประมาณ 06.55 น. ตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุพบศพชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต บริเวณทางขึ้นภูเขามุ่งหน้าไปสวนยางพารา ห่างจากหมู่บ้านอร์บือแก หมู่ 9 ต.ศรีสาคร ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบศพ นายซอบรี หะมะ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/15 บ้านไอร์บือแก สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 07.35 น. วันเดียวกัน คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องโจมตีทหารพรานชุด รปภ.ครู โรงเรียนบ้านทำนบ ขณะเดินเท้าอยู่ริมถนนเขตรอยต่อระหว่าง หมู่ 1 กับ หมู่ 6 บ้านสะโลตราแดะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กำลังมุ่งหน้าไปโรงเรียน โชคดีไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ แต่สภาพที่เกิดเหตุ แรงระเบิดต้นไม้ใบหน้าริมทางเตียนโล่งหลายเมตร มีชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ในถังแก๊สขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม กระจายเกลื่อน ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าระเบิดแสวงเครื่องลูกนี้มีน้ำหนักระเบิดถึง 25 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองนำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ล่วงหน้าบริเวณริมถนน เพราะชุด รปภ.ครูชุดนี้ ปกติจะใช้รถสัญจรผ่านจุดเกิดเหตุทุกวัน แต่ปรากฏว่าวันเกิดเหตุ หัวหน้าชุดได้สั่งเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติภารกิจ โดยใช้การเดินเท้าแทน ทำให้รอดจากแรงระเบิดไปได้หวุดหวิด คาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ต้องการสร้างสถานการณ์และทำร้ายเจ้าหน้าที่