นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ทำหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยให้มีผลในวันที่ 11 ก.ย.2563 เป็นต้นไป
โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า "ด้วยกระผม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ลำดับที่ 1 เลขประจำตัวสมาชิก 325 มีความประสงค์ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2563 เป็นต้นไป
อนึ่ง บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชาติ ลำดับที่ 2 ต่อจากกระผม คือ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง" ลงชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
สำหรับการลาออกจาก ส.ส.ของนายวันมูหะมัดนอร์ เป็นข่าวมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเขาได้ประกาศลาออกกลางที่ประชุมใหญ่พรรคประชาชาติ ซึ่งจัดประชุมกันที่ห้องประชุมมะทา ภายในบ้านของนายวันมูหะมัดนอร์ ที่อำเภอเมือง จ.ยะลา (อ่านประกอบ : "วันนอร์" ประกาศทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ดัน "ทวี" ผงาดลุยเกมสภา)
นายวันมูหะมัดนอร์ ให้เหตุผลการลาออกว่าเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และยังบอกว่าจะทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ในวันที่ 9 ก.ย.เป็นวันสุดท้าย ซึ่งเขาก็ได้ขั้นอภิปรายด้วย โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก เมื่อประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตย เหมือนกับที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนนตรี เคยเอ่ยคำว่า "ผมพอแล้ว" ถือเป็นการฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และยอมลงจากอำนาจ หลังจากนั้นก็ได้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติ คือประธานองคมนตรี
อย่างไรก็ตาม นายวันมูหะมัดนอร์ ยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ เพียงแต่ต้องการออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา เพื่อทำให้พรรคประชาชาติเข้มแข็งมากขึ้น และยืนยันว่าจะไม่วางมือทางการเมือง
การลาออกจาก ส.ส.ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มีความแปลกแตกต่างจาก ส.ส.คนอื่นๆ เพราะได้แนบเอกสารชี้แจงเหตุผลการลาออกในครั้งนี้ โดยมีเนื้อหาสาระพูดถึงบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ ส.ส.แทนเขา คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ด้วย (อ่านประกอบ : ว่าที่ ส.ส.ป้ายแดง "ทวี สอดส่อง" กับมุมมอง ปชต.-ไฟใต้-ม็อบนักศึกษา)
ใจความของเอกสารระบุว่า ประชาธิปไตยควรมีการแบ่งปัน ช่วยกันทำงาน เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ ผมเห็นว่าเมื่อผมทำงานได้ระดับหนึ่ง และคิดว่าสมาชิกผู้แทนราษฎรนั้น ด้วยความที่ผมเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถ้าผมลาออก ลำดับถัดมาก็จะขึ้นมาเป็นแทน ซึ่งคนนั้นคือ "ท่านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง"ซึ่งเป็นคนที่ผมติดตามการทำงานของท่าน นอกสภาผลงานมากมาย ส่วนในสภาท่านก็ได้เป็นกรรมาธิการที่สำคัญหลายชุด เช่น กรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการงบประมาณ และกรรมาธิการอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในความขยันขันแข็ง การทำหน้าที่ของท่าน และการประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งท่านทวีได้ทำหน้าที่ประสานงานได้ดีมาก และดีกว่าผมอีก
เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าควรให้โอกาสคนที่จะทำงานได้ดีกว่า และเพื่อตอบแทนสิ่งที่เลขาธิการพรรคได้เสียสละเพื่อพรรคมาโดยตลอด และคิดว่าควรได้รับเกียรติมาทำงานในฐานะ ส.ส.คนหนึ่งของรัฐสภา และเชื่อว่าจะทำงานในสภาได้ดีกว่าผม ด้วยวัย ประสบการณ์ และความตั้งใจของท่าน
ผมคิดว่าเป็นวาระและเป็นความสบายใจอย่างที่สุดที่จะได้มอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมมองว่าประชาธิปไตยนั้น ไม่ควรจะยึดมั่น ยึดติดในตำแหน่งหน้าที่ว่าเป็นแล้วต้องเป็นตลอด แล้วก็ไม่มีใครจะทดแทนเราได้ ประชาธิปไตยมันต้องเปลี่ยนผ่าน ทดแทนกันได้ และอะไรที่มันแบ่งปันกันในหน้าที่การงาน และช่วยกันให้ประชาชนได้ประโยชน์ ก็ควรจะทำ นี่เป็นครรลองของประชาธิปไตย