มีข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญที่เกาะติดปัญหาชายแดนใต้ และเป็นทีมทำงานของผู้มีบทบาทสำคัญใน กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ซึ่งเพิ่งปิดจ็อบการทำงานศึกษาแนวทางการสร้างสันติภาพในพื้นที่ปลายด้ามขวานไปเมื่อไม่นานมานี้
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุระเบิดและเผาแคมป์คนงานที่กำลังก่อสร้างโครงการรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ฝ่ายความมั่นคงไม่ควรมองข้ามหรือละเลยการทำความเข้าใจ เนื่องจากมีความอ่อนไหวหลายประเด็น
1.ประเด็นศาสนา เนื่องจากจดหมายขู่ และกระแสต้านที่มีมาก่อนหน้านี้ โยงไปถึงรูปเคารพของศาสนาอื่น คือเจ้าแม่กวนอิม ขณะที่ศาสนาหลักที่คนส่วนใหญ่นับถือในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือศาสนาอิสลาม
2.เคยมีม็อบ มีมวลชนชุมนุมเรียกร้องคัดค้านโครงการมาก่อนหน้านี้ ก็เป็นมวลชนมุสลิม มีองค์กรศาสนาบางองค์กรสนับสนุน
3.จดหมายขู่ และม็อบที่ต่อต้าน เชื่อมโยงไปถึงโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในพื้นที่ หรือ เมกะโปรเจค ทำให้เกิดภาพการต่อต้านโครงการพัฒนาไปด้วย และเนื้อหาในใบปลิวตีขลุมทั้งพื้ันที่สามจังหวัดใต้ และพื้นที่รอยต่อ อาจส่งผลทางจิตวิทยาต่อแนวทางการพัฒนา ทั้งๆ ที่ความเชื่อมั่นกำลังเริ่มดีขึ้น จากผลสำรวจของ ศอ.บต. และกระทรวงพาณิชย์
อ่านประกอบ : ข่าวดี! ดัชนีเชื่อมั่น “ศก.-สังคม” ชายแดนใต้ขยับขึ้น
วันเดียวกันยังมีเหตุซุ่มยิง “ทหารพัฒนา” ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ยังไม่ชัดว่าจงใจหรือบังเอิญที่เป้าหมายคือ “ทหารจากหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่”
4.เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับเด็กในพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งมีเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบได้รับบาดเจ็บ
5.เหตุรุนแรงส่งผลกระทบต่อเด็กในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก
6.ผู้บาดเจ็บมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อนหน้านี้คนอีสานมีจำนวนไม่น้อยที่ไปเป็นแรงงานในอิสราเอล และได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส ทั้งเสียชีวิตและถูกจับเป็นตัวประกัน เหตุการณ์ที่สะกอม อ.เทพา จึงเหมือนยิ่งซ้ำเติมทางความรู้สึก หากมีการมองเชื่อมโยงกัน
นี่คือความอ่อนไหว และสัญญะที่ไม่ดีต่อสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้
7.กระบวนการพูดคุยสันติสุขหยุดชะงัก เพราะฝ่ายรัฐบาลไทยกำลังพิจารณาเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพูดคุย แทน นายฉัตรชัย บางชวด ที่ขยับขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช. และฝ่ายการเมืองกับฝ่ายประจำเห็นตรงกันว่า ไม่ควรให้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะพูดคุยฯต่อไป
แต่แกนนำบีอาร์เอ็นในคณะพูดคุยฯ ยังทำงานกับองค์กรระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีข่าวไปประชุมที่เยอรมนี แต่ฝ่ายไทยนิ่ง และยังมีเหตุอ่อนไหวลักษณะนี้ขึ้นมาอีก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมสถานการณ์