“บิ๊กปู - พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผบ.ทบ.คนใหม่ ลงใต้ครั้งแรกหลังรับตำแหน่งไม่ถึง 10 วัน ติดตามสถานการณ์พร้อมมอบนโยบายหน่วยปฏิบัติ เดินหน้าแก้ปัญหาไฟใต้ทุกมิติ หวังคืนสันติสุขแก่ประชาชนในพื้นที่
เมื่อเวลา 10.30 น. วันอังคารที่ 8 ต.ค.67 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงจากกองทัพบก ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งแรกหลังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เพื่อสานต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกองทัพบก ตลอดจนร่วมรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มี ประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติ
โดยมี พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมผู้บังคับบัญชา และฝ่ายอำนวยการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมรายงานผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม กอ.รมน.ภาค 4 สน. ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
พล.อ.พนา กล่าวถึงการลงพื้นที่ว่า มาเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมติดตามสถานการณ์ รับฟังแนวความคิดในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด รวมทั้งรับฟังปัญหา ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะจากหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.ภาค 4 สน. เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาระดับนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต
พร้อมย้ำว่าหน่วยทหารทั่วประเทศต้องติดตามขับเคลื่อนจิตอาสาพระราชทาน ให้ทหารเป็นที่พึ่งแก่พี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์
“ขอชื่นชมการปฏิบัติงานของทุกภาคส่วน ภาพรวมยังคงน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานมาปฏิบัติและขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และแผนปฏิบัติการการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2566–2570 ได้อย่างเรียบร้อยต่อเนื่อง”
@@ กำชับคุมเข้มชายแดน - เสริมแกร่งกองกำลังประจำถิ่น
ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า ได้กำชับกองกำลังตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ต้องคุมเข้มสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติที่ล่อแหลม พร้อมเน้นย้ำให้กองทัพบกนำศักยภาพดึงองค์ความรู้เสริมความเข้มแข็งให้กับกองกำลังประจำถิ่น ให้สามารถปฏิบัติภารกิจดูแลบ้านเกิดได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
“ส่วนการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิด เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้ แต่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเด็ดขาด”
@@ แม่ทัพใหม่ยอมรับ กลุ่มไม่หวังดีจ้องป่วนทุกรูปแบบ
ด้าน พล.ท.ไพศาล เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงพยายามก่อเหตุทุกรูปแบบ เพื่อแสดงศักยภาพและความมีตัวตนของกลุ่มขบวนการ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
พร้อมย้ำว่าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ยังคงปฏิบัติงานร่วมกันภายใต้แผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2568 โดยมุ่งมั่นบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่เสริมการปฏิบัติซึ่งกันและกัน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ร่วมนำพาความสุข สันติสุข กลับคืนแก่พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
@@ “บิ๊กปู” ตามรอยรุ่นพี่ ให้ความสำคัญไฟใต้ลำดับต้น
ในการการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. หลังได้รับตำแหน่งไม่ถึง 10 วัน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาจังหวัดชายภาคใต้ ที่ต้องลงมารับฟังปัญหา พร้อมมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้หน่วยกำลังในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
หากย้อนไปยัง พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.คนก่อนหน้านี้ หลังที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ทบ.ไม่ถึงสัปดาห์ ก็ยังให้ความสำคัญเดินทางลงมาติดตามสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับฟังปัญหาและมอบนโยบายเช่นเดียวกัน
@@ สอยกล้องวงจรปิดหนองจิก ปัตตานี หิ้วหนีลอยนวล
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันเดียวกัน (8 ต.ค.67) ร.ต.อ.ณัฐติพงค์ ช่วยสกุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.หนองจิก ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายทำลายกล้องวงจร เหตุเกิดบริเวณ 4 แยกบ้านไผ่ หมู่ 3 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จึงรายงานผู้บีงคับบัญชาพร้อมนำกำลังเข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบกล้องวงจรปิด ระบบ 4G และ Wifi ได้ถูกคนร้ายถอดทำลายออกจากจึดที่ติดตั้ง แล้วคนร้ายนำกล้องวงจรปิดหลบหนีไปด้วย
นายมูฮัมหมัดฮาซัน ประเสริฐศรี ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า เวลาประมาณ 01.30 น.ของวันที่ 7 ต.ค. ขณะที่ตนนั่งเล่นอยู่ภายในบริเวณบ้าน ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังทำอะไรอยู่ที่แถวๆ หน้าบ้าน จึงได้แอบไปยืนดูบริเวณประตูหน้าบ้าน ทำให้เห็นคนร้าย จำนวน 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน มาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ และได้ใช้ไม้สอยดึงเอากล้องวงจรปิดให้หลุดออกจากจุดที่ติดตั้ง แล้วได้นำกล้องวงจรปิดขึ้นรถขับหลบหนีไป
ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ทำลายกล้องวงจรปิด เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
จากเหตุการณ์ทำลายกล้องวงจรปิดดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปรับแผนยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในการดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการก่อเหตุสร้างสถานการณ์