ตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ลงตัวไปแล้ว หลังจากรักษาการมานานข้ามปี คราวนี้มาถึงคิวตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานความมั่นคงระดับท็อปของประเทศอย่าง “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” กันบ้าง
ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 ประชุม ครม. 1 ต.ค.ยังไม่มีการแต่งตั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวหลากหลายในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการหาตัวเลขาธิการ สมช.ไม่ได้ ซ้ำรอยปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีแรกของรัฐบาลเพื่อไทย สุดท้ายมีการย้ายสไลด์ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ จากรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ซึ่งพลาดหวังขึ้น ผบ.ตร. มาเป็นเลขาธิการ สมช. แต่กว่าจะเข้า ครม.ได้ เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปเนิ่นนาน จนเหลือเวลาทำงานน้อยมาก แทบไม่ได้ขยับอะไรเลย ก็ได้เวลาเกษียณ
ปีนี้หลายฝ่ายเกรงจะซ้ำรอยปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่ประเด็นความมั่นคงค่อนข้างหนักหน่วง ทั้งภูมิรัฐศาสตร์โลก การเผชิญหน้าของมหาอำนาจ / การเลือกตั้งสหรัฐ / สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ / และล่าสุดคือสงครามระหว่างอิสราเอล กับเลบานอน ที่เพิ่งมีการสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์ / เป็นสงครามขยายวงจากฮามาส ซึ่งยังมีคนไทยเป็นตัวประกันไม่ทราบชะตากรรมเหลืออยู่ด้วย / ไม่นับสงครามการค้า สงครามเซมิคอนดัคเตอร์ ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ซ้ำเติมด้วย “คดีตากใบ” ทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นจำเลย คดีใกล้จะขาดอายุความ ยังตามตัวใครไปขึ้นศาลไม่ได้ ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ร้อนแรงขึ้นไปอีก เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งเกิดระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งรุนแรงที่อำเภอตากใบ หน้าบ้านนายอำเภอ
ล่าสุดมีข่าวยืนยันมาจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลว่า ตำแหน่งเลขาธิการ สมช.จะไม่ยืดเยื้อเหมือนปีที่แล้ว เพราะมีการเคาะชื่อ “คนใน” คือ “ลูกหม้อ สมช.” ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่
คาดว่าจะเป็น นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช.และหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายฉัตรชัยเป็นรองเลขาธิการ สมช.อาวุโสอันดับ 1 ไม่ได้ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช.เมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้คาดว่าน่าจะสมหวัง
ตามกำหนดการจะมีการประชุม สมช.ชุดใหญ่วันศุกร์ที่ 4 ต.ค. เพื่อลงมติเลือกเลขาธิการ สมช. น่าจะไม่มีอะไรพลิกโผ
อายุราชการของ นายฉัตรชัย เหลืออีก 3 ปี จึงต้องลุ้นกันต่อว่า จะได้ “ตีตั๋วยาว” หรือแค่ “คั่นเวลาให้ใครบางคน” เพราะในรัฐบาลชินวัตร อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทุกตำแหน่งถูกนำมาหมุนวนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมาหลายครั้ง
อย่างเช่น ตำแหน่งเลขาธิการสมช. เคยย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ออกไป เพื่อเปิดทางให้ตำแหน่งว่าง แล้วสไลด์ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. มาเป็นเลขาธิการ สมช. เพื่อให้ตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่าง และดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของอดีตนายกฯทักษิณ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จนทำให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง เพราะความผิดที่ไปย้ายคุณถวิล ออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.โดยมิชอบ
ตำแหน่งนี้จึงอาถรรพ์พอสมควร และน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่กล้าทำอะไรพลิกแพลงมาก เมื่อหาตัวคนที่เหมาะสมกว่าไม่ได้ ก็ตัดสินใจตั้ง “ลูกหม้อ” ปลอดภัยที่สุด
@@ ผบช.สันติบาล ขยับไม่ทัน - “นันทพงศ์” จ่อคุมใต้
ส่วน พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ที่มีข่าวว่าฝ่ายการเมือง สนใจผลักดันมาเป็นเลขาธิการ สมช.นั้น ปรากฏว่าอายุราชการเหลืออีกเพียง 1 ปี จึงน่าจะไม่ทันแล้ว เพราะต้องย้ายมาเป็นรองเลขาธิการ สมช.ก่อน เพื่อให้เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 10 จึงจะขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช.ระดับ 11 ได้
โดย พล.ต.ท.อภิชาติ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.รอย อดีตเลขาธิการ สมช.ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
มีรายงานด้วยว่า เมื่อนายฉัตรชัย ขยับขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช. ซึ่งคาดว่าจะเข้า ครม.สัปดาห์หน้า ก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องหาคนมารับหน้าที่รองเลขาธิการ สมช. เพื่อรับผิดชอบภารกิจดับไฟใต้แทน โดยบุคคลที่อยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือก และมีการทาบทามแล้ว คือ นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.
โดยนายนันทพงศ์ เคยทำงานที่ สมช. และเคยเป็นกรรมการใน คปต. คือ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยุครัฐบาล คสช. จึงมีความรู้ความเข้าใจในภารกิจดับไฟใต้เป็นอย่างดี และทำงานรวมกับฝ่ายทหารได้ อีกทั้งปัจจุบัน ก็รับผิดชอบงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการระบาดรุนแรงด้วย
@@ 7 ต.ค.ได้ฤกษ์ประชุม ก.ตร. “บิ๊กต่าย” ไม่น่าพลาด
สำหรับอีกหนึ่งตำแหน่งที่หลายฝ่ายจับตา คือ ตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ หลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เกษียณอายุราชการ
มีรายงานล่าสุดยืนยันว่า ทางคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ได้แจ้งประชุม ก.ตร.นัดพิเศษ วันที่ 7 ตุลาคมนี้ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ และได้รับการยืนยันจากนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าไม่มีภารกิจอื่น สามารถเข้าประชุมได้ โดยหลังจากวันที่ 7 ตุลาคม นายกฯแพทองธาร จะเดินทางไปประชุมอาเซียน และติดภารกิจต่างประเทศอีกหลายวัน
ข่าวแจ้งว่า วาระการประชุม ก.ตร.ที่สำคัญ คือ การเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งข่าวล่าสุดขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า จะมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร หรือ “บิ๊กต่าย” รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ซึ่งขณะนี้ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.อยู่ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งนับเป็นคนที่ 15
โดยแคนดิเดตที่มีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อ มีเพียง 3 คน นอกจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แล้ว ก็มี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร.
แต่ทั้ง พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ไม่น่าจะถึงฝั่งฝัน เพราะคนแรกเคยทำคดีจำนำข้าว ส่วนคนที่ 2 มีข่าวชอบไปแถวๆ บ้านในป่า และเคยเป็นนายเวรของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งเพิ่งถูกเขี่ยพ้นรัฐบาล และพ้นเก้าอี้รัฐมนตรี
ส่วนแนวคิดที่จะดัน พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งมีสายสัมพันธ์พิเศษกับ “ผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรคเพื่อไทย” ขึ้นเป็น รองผบ.ตร. ก่อน จากนั้นจึงต่อลิฟต์ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ด้วยวิธีพิเศษนั้น
ข่าวล่าสุดแจ้งว่า ฝ่ายการเมืองไม่กล้าดำเนินการ แม้จะมีความต้องการ พล.ต.ท.ประจวบ ขึ้นเป็นแม่ทัพสีกากีก็ตาม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการร้องเรียนตามมา และส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของนายกฯแพทองธาร
@@ เรียกรองฯต่าย “ท่าน ผบ.” - “บิ๊กจวบ” คุมปราบปราม
มีรายงานว่า “บิ๊กต่าย” ได้มีโอกาสเข้าพบผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรคเพื่อไทยแล้ว และยังมีการแซวกันเมื่อพบหน้า โดยเรียกว่า “ท่านผบ.”
ส่วน พล.ต.ท.ประจวบ ก็มีข่าวว่า ได้พูดคุยกันระหว่างฝ่ายการเมือง กับ “บิ๊กต่าย” ขอดูแลหน้างานสำคัญ คือ หน้างานปราบปราม โดยจะเป็นรอง ผบ.ตร.ที่มีอำนาจมากที่สุด
สำหรับอายุราชการของ “บิ๊กต่าย” ยังเหลืออีก 2 ปี ส่วน พล.ต.ท.ประจวบ จะเกษียณในปี 2568