การออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” สหชัย เจียรเสริมสิน โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในคดีสั่งการให้ขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง ซึ่งมีการแถลงใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.ค.67 นั้น
ไม่ได้มีหลักประกันใดๆ ว่าจะได้ตัว “เสี่ยโจ้” มาดำเนินคดี
เพราะขนาดในอดีตเคยถูกออกหมายจับมากถึง 14 คดี แต่ก็ไม่เคยมีการเอาผิดหรือลงโทษเขาได้ หนำซ้ำคดีที่โดนออกหมายจับ เพราะถึงที่สุดแล้ว แต่เจ้าตัวหลบหนีและก็ไม่มีการนำหมายจับเข้าสารบบ จนทำให้ “เสี่ยโจ้” อยู่ในสถานะเสมือนไม่มีหมายจับอยู่นาน
เขาเคยกลับไปพักที่บ้าน ในอาณาจักรส่วนตัวที่ปัตตานี โดยที่ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
เส้นทางสารพัดคดีและสารพัดหมายจับของ “เสี่ยโจ้” ไม่ต่างอะไรกับ “มหากาพย์” ที่ยังไม่มีตอนจบ
“เสี่ยโจ้” เคยถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านและสถานประกอบการในพื้นที่ จ.ปัตตานี เนื่องจากพบการกระทำความผิด และถูกดำเนินคดีหลายคดี เช่น คดีปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม (ดวงตราประทับไม้ปลอมเพื่อนำไม้เข้ามาในราชอาณาจักร) คดีกระทำผิด พ.ร.บ.โรงงาน ฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุสื่อสาร เป็นต้น
ในปี 2557 ศาลจังหวัดปัตตานี ได้พิพากษาในคดีปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม สั่งจำคุก “เสี่ยโจ้” เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน แต่หลังจากศาลตัดสินในวันเดียวกันนั้นเอง “เสี่ยโจ้” ได้หลบหนีจากที่คุมขังศาล ทำให้ถูกดำเนินคดีและถูกออกหมายจับฐานหลบหนีจากที่คุมขังของศาล หมายจับที่ 368/2557
ในปี 2560 – 2561 มีข่าวลือว่า “เสี่ยโจ้” กลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.ปัตตานี และพบว่ามีการกลับมาอยู่จริง จนเกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่ถูกจับ ทั้งๆ ที่มีหมายจับในคดีที่ศาลพิพากษาจำคุกแล้ว และคดีถึงที่สุดไปแล้ว
ภายหลังฝ่ายตำรวจออกมาชี้แจงว่า ได้มีการยกเลิกหมายจับในปี 2557 ทั้งหมดซึ่งมีราวๆ 7 หมายจับ เพราะ “เสี่ยโจ้” ได้เข้ามอบตัวเมื่อเดือน มิ.ย.2560 และ ก.ย.2561
แต่ “ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบพบว่า หมายจับที่ 368/2557 ในคดีหลบหนีจากที่คุมขังศาล เมื่อปี 2557 ยังไม่ถูกยกเลิก เพียงแต่มีการออกหมายจับใหม่ที่ 559/2561 มาแทน และยังไม่ถูกยกเลิก แต่ทางฝ่ายตำรวจและฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้ออกมาอธิบายอะไร จนเรื่องเงียบหายไป
ภายหลัง “ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบจนได้ความว่า มีพฤติการณ์ละเลย ไม่นำ “หมายจับ” เข้าสู่ระบบ “สืบจับ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ตัว “เสี่ยโจ้” เสมือนไม่เคยถูกออกหมายจับในคดีนี้ ค้นในสารบบก็จะไม่พบหมายจับ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่ได้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดเพื่อลงโทษผู้ใด
ต่อมามีการจับกุมตัว “เสี่ยโจ้” ได้อีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 ในคดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ 60/2564 ลงวันที่ 19 ก.พ.64 โดยตำรวจสอบสวนกลางสามารถจับกุม “เสี่ยโจ้” ได้ที่ตลาดกลางคืนย่านห้วยขวาง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ และทาง บช.ก.ได้เปิดแถลงข่าวใหญ่โต
วันที่ 6 พ.ย.64 มีการนำตัว “เสี่ยโจ้” ส่งอัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีฟอกเงิน แต่อัยการแจ้งว่า “สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว” ทำให้ไม่มีอำนาจควบคุมตัว เพราะไม่มีหมายจับอื่นใด รวมทั้งหมายจับคดีหลบหนีจากที่คุมขังของศาล จึงต้องปล่อยตัว “เสี่ยโจ้” เป็นอิสระ
แม้ภายหลังจะพบว่า “เสี่ยโจ้” ยังมีหมายจับ ที่ 559/2561 อยู่อีก แต่ก็ไม่ทัน เพราะ “เสี่ยโจ้” ได้หลบหนีไปจากบ้านในพื้นที่ จ.ปัตตานี เรียบร้อยแล้ว
จากข้อมูลของ บช.ก.พบว่า “เสี่ยโจ้” เคยถูกดำเนินคดีอาญามาทั้งหมด 14 คดี ซึ่งเป็นคดีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง แต่ส่วนใหญ่จะขาดอายุความ โดยคดีที่ยังคงอยู่คือ
-คดี 860/2557 ข้อหาทำขึ้น ปลอมขึ้น ซึ่งดวงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย สภ.เมืองปัตตานี คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน (เป็นคดีที่ “เสี่ยโจ้” หลบหนีจากศาล)
-คดี 559/2561 ข้อหาหลบหนีไประหว่างคุมขังตามอำนาจศาล โดย สภ.เมืองปัตตานี คดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง มีหมายจับจากศาลจังหวัดปัตตานี ที่ออกแทนหมายเดิม (1412/2557) เป็นหมายจับที่ จ.559/2561 ปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้
-คดี 1993/2561 ข้อหาเรือไม่มีใบอนุญาตทำการประมง แต่ใช้ทำการประมง โดย สภ.เมืองชลบุรี คดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ออกหมายเรียกครั้งที่ 2
จนมามีเรื่องเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนหายของกลางหายจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า “เสี่ยโจ้” หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง จนนำมาสู่การออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” อีกครั้ง
เกิดการตั้งคำถามว่า การออกหมายจับในครั้งนี้จะมีผลต่อการจับกุม “เสี่ยโจ้” ได้จริงหรือ? เพราะที่ผ่านมา “เสี่ยโจ้” เองก็ยังมีหมายจับเก่าค้างอยู่ แต่ก็ไม่เคยดำเนินคดีเพื่อลงโทษตามความผิดของเขาได้เลย แม้จะถูกจับกุมแล้ว ก็ยังปล่อยหลุดมือไปได้อย่างง่ายดาย…