กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตำรวจมาเลเซียจับชาวอิสราเอลพร้อมอาวุธปืนพก 6 กระบอก กระสุนเพียบ หลังอ้างต้นตอซื้อจากฝั่งไทย
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียจับกุมผู้ต้องหาชาวอิสราเอล พร้อมอาวุธปืนพก 6 กระบอก และเครื่องกระสุนอีก 200 นัด ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียผู้รับผิดชอบคดี เผยว่า ผู้ต้องหาชาวอิสราเอลอ้างว่าได้จ่ายเงินจำนวน 10,000 ริงกิต (77,119 บาท) สำหรับปืนแต่ละกระบอก ซึ่งต้นตอของปืนพกเหล่านี้ถูกลักลอบส่งไปจากประเทศไทย
ผู้ต้องหาชาวอิสราเอลรายดังกล่าว ยังให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียอีกว่า เข้าประเทศมาเลเซียเพื่อตามล่าตัวชาวอิสราเอลอีกคนหนึ่ง และไม่มีแรงจูงใจเรื่องอื่น แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากยังสงสัยว่า หากต้องการล่าตัวคนคนเดียว ทำไมถึงต้องมีการสั่งซื้ออาวุธปืนพกมาใช้ถึง 6 กระบอก
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาแรงจูงใจเบื้องหลังการครอบครองอาวุธปืนของผู้ต้องหาอิสราเอลรายนี้ ทั้งยังเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญในประเทศมาเลเซียด้วย
ทั้งนี้ เมื่อมีการจับกุมและตรวจพบอาวุธที่อ้างว่าลักลอบส่งไปจากประเทศไทย ทำให้ฝ่ายความมั่นคงมาเลเซียต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน
วันพฤหัสบดีที่ 4 เม.ย.67 พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4 สน.) ตอบคำถาม “ทีมข่าวอิศรา” ถึงการตรวจสอบแหล่งที่มาอาวุธปืนที่ชาวอิสราเอลอ้างว่าสั่งซื้อจากไทยว่า กองทัพภาคที่ 4 ทราบเรื่องแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
“หลังจากทราบเรื่อง ทางหน่วยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบ เรื่องอาวุธ มีข้อเท็จจริงอย่างไรและมีความเกี่ยวโยงกับพื้นที่หรือไม่ อย่างไร” พ.อ.เอกวริทธิ์ ระบุ
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเฝ้าระวังป้องกันตามแนวชายแดน ได้มีการยกระดับความเข้มมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้มีการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝั่งมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง