ป.ป.ส.มาเลย์ ส่งตัว 2 ผู้ต้องหาคดีไอซ์ให้ทางการไทย หลังหนีซุกแดนเสือเหลือง แฉขับรถทะเบียนเบตงส่งของกลางครึ่งตัน แต่เกิดพลิกคว่ำที่ปราณบุรี ต้องพากันหลบหนีข้ามแดน อีกรายรับจ้างขนยานรก 2 แสนเม็ดซุกยางอะไหล่ ส่งจุดนัดพบที่สงขลา แต่พลาดท่าโดนรวบ
เมื่อเวลา 10.15 น. วันจันทร์ที่ 1 เม.ย.67 ที่ด่านพรมแดนอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายวันชัย เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนบังคับใช้กฏหมาย สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรชัย สุวรรณวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผกก.สส.2 บก.สส.จชต.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันรับมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีไอซ์ จำนวน 2 คน คือ
1.นายอิลฟาน สาลัม อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 13 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา
2.นายมุสตากีม มามุ อายุ 23 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 4 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
โดยทั้งสองเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.161/2566 ลงวันที่ 6 พ.ย.66 ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 เวลา 02.00 น. ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ป้ายทะเบียนเบตง ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำอยู่ริมถนนสายบายพาส ชะอำ-ปราณบุรี ขาล่องใต้ ท้องที่หมู่3 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบตัวคนขับ แต่พบไอซ์ จำนวน 499 กิโลกรัม และเคตามีน จำนวน 100 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี ทำให้ทราบว่า รถกระบะคันนี้มี นายอารีฟ หะยีวาแม อายุ 20 ปี ชาว จ.ยะลา เป็นคนขับ ซึ่งภายหลังเกิดอุบัติเหตุ ก็มี นายอิลฟาน สาลัม และ นายมุสตากีม มามุ ผู้ต้องหาคดีนี้ ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ต ป้ายทะเบียนแดง ไปรับนายอารีฟ แล้วหลบหนีไปพร้อมกัน ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดหัวหินได้ออกหมายจับบุคคลทั้งสาม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภาค 9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.จชต. สืบทราบว่า บุคคลตามหมายจับทั้ง 3 รายได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ประเทศมาเลเซีย หรือ NCID ร่วมกันสืบสวน จนสามารถผลักดัน นายอารีฟ หะยีวาแม คนขับรถ กลับมายังประเทศไทย และได้จับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วน นายอิลฟาน และนายมุสตากีม ถูกดำเนินคดีข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จนกระทั่งพ้นโทษและกำหนดเนรเทศกลับไทยในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาปราบปรามยาเสพติดประเทศมาเลเซีย จึงได้ประสานผ่าน ป.ป.ส.ภาค 9 เพื่อให้มารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปดำเนินคดีตามหมายจับของประเทศไทย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก ได้ทำบันทึกจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มารับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
@@ รวบหนุ่มซุกยาบ้าในยางอะไหล่
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.จชต. สืบทราบว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ โดยใช้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้าแบบตอนเดียว แต่งยกสูง สีขาว ป้ายทะเบียนพิษณุโลก เพื่อส่งให้เครือข่ายในพื้นที่ อ.นาหม่อม จ.สงขลา จึงประสานสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 และเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมวางแผนจับกุม
กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัยตรงตามที่ได้รับรายงาน จอดอยู่บนถนนสายเอเชีย (หาดใหญ่-ปัตตานี ) ช่วง อ.นาหม่อม จ.สงขลา โดยมี นายสมใจ พลเยี่ยม อายุ 63 ปี ชาว ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ยืนอยู่ข้างรถ โดยถืออุปกรณ์เตรียมปลดล็อคยางอะไหล่ใต้ท้องรถ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 100 มัด นับได้ 200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในยางอะไหล่ จึงจับกุมนายสมใจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนนายสมใจ ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อ เป็นเงิน 100,000 บาท ให้รับยาบ้าซึ่งซุกซ่อนในยางอะไหล่ จากปากทางเข้าสำนักงานขนส่ง จ.พิษณุโลก ไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.นาหม่อม จ.สงขลา โดยให้วางยางอะไหล่ที่มียาบ้าซุกซ่อนอยู่นั้น บริเวณริมถนนที่เป็นจุดนัดหมาย แต่ขณะกำลังถอดยางอะไหล่ ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน