เพจคณะพูดคุยสันติสุขฯ แสดงความเสียใจเหตุป่วนใต้ช่วงรอมฎอน “หัวหน้าฉัตรชัย” เผยคณะทำงานเทคนิครอบ 3 ปลาย เม.ย.นี้ต้องคืบหน้า แจง JCPP รัฐบาลเห็นชอบตั้งแต่ก่อนไปมาเลย์ เหตุเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไร้แบ่งแยกดินแดน เผย 10 ปีที่เจรจา เชื่อมั่นบีอาร์เอ็นตัวจริง
วันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค.67 เพจเฟซบุ๊กคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ The Peace Dialogue Panel เผยแพร่ข้อความแสดงความเสียใจกับกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.67 ที่ผ่านมา
โดยมีเนื้อหาระบุว่า “คณะพูดคุยสันติสุขขอแสดงความเสียใจกับเหตุรุนแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินในช่วงรอมฎอน คณะพูดคุยฯ มีความเข้าใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่ถึงความรู้สึกสูญเสียและผลกระทบที่ต้องได้รับจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
คณะพูดคุยฯ ขอเน้นย้ำว่าการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาความคิดที่แตกต่างได้ แต่กลับจะสร้างความแตกแยกเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น การยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีและใช้การพูดคุยเพื่อหาทางออกของปัญหา การอดทนต่อการรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นที่แตกต่าง การพร้อมที่จะมีการเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์นั้น จะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติในพื้นที่อย่างยั่งยืน”
@@ พูดคุยเทคนิครอบ 3 ต้องมีความคืบหน้า
ด้าน นายฉัตรชัย บางชวด หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ และรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังในการพูดคุยเทคนิครอบ 3 ปลายเดือน เม.ย.นี้ว่า ยืนยันจะต้องมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะเนื้อหาสาระที่ยังไม่ลงตัวน่าจะดีขึ้น โดยยึดหลักการทั่วไป (General Principles of the Peace dialogue Process 2022) 3 หัวข้อที่เรายอมรับร่วมกันแล้ว (คือการลดความรุนแรง, การปรึกษาหารือสาธารณะ และการหาทางออกทางการเมือง) ซึ่งคณะพูดคุยฯ ยึดมั่นหลักการ 3 ข้ออย่างแน่วแน่ และคาดหวังว่าบีอาร์เอ็นจะเห็นเช่นเดียวกัน
“ขณะนี้เป็นระยะของการแปลงหลักการทั่วไปว่าด้วยกระบวนการพูดคุยฯ ไปสู่การปฏิบัติ ผ่านการจัดทำแผน JCPP ผมเรียนเลยว่าในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยฯที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล เราพร้อมพูดคุยอย่างเต็มที่เพื่อให้การพูดคุยมีความคืบหน้าและสร้างสันติสุขที่ยั่งยืนและปราศจากความรุนแรง”
@@ รัฐบาลเห็นชอบ JCPP ก่อนไปพูดคุยบีอาร์เอ็น
ส่วนกรณีข้อสงสัยจากนักวิชาการบางคนถึงกรอบในแผน JCPP (แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม) ที่ใช้ในการพูดคุย ว่ารัฐบาลอาจยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบนั้น นายฉัตรชัย ชี้แจงว่า แผน JCPP เริ่มพูดคุยและจัดทำรายละเอียดร่วมกันมาตั้งแต่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมี พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯ และไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มในยุคของตน แต่ตนก็อยู่ในคณะพูดคุยฯชุดนั้นด้วย เพียงแต่ไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะ แต่ก็มีส่วนร่วมในเรื่องการให้ความเห็นต่างๆ มีส่วนร่วมจัดทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว และได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและรัฐบาลมาโดยตลอด ทั้งในหลักการ สาระสำคัญ และรายละเอียดของแผน JCPP ได้ขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเป็นระยะต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน ได้นำเสนอนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการของ JCPP ก่อนไปพูดคุยกับบีอาร์เอ็น
หลักการที่ว่านี้ในตัวแผน JCPP เป็นเรื่องกิจกรรมในทางปฏิบัติ และอยู่ภายใต้นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2565-2567 เพื่อสร้างบรรยากาศสันติ
“ขอยืนยันว่า การดำเนินงานตามแผน JCPP และการพูดคุยสันติสุขที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยู่ภายใต้นโยบายของรัฐบาล และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ถ้าข้อเรียกร้องเกินขอบเขตของรัฐธรรนูญ คณะพูดคุยสันติสุขฯมีหน้าที่ต้องรับฟังความคับข้องใจ และหาทางแก้ไขปัญหาคับข้องใจนั้น แต่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการปฏิบัติในเรื่องที่เกินรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งผมคิดว่า บีอาร์เอ็นก็ทราบดี จึงเป็นที่มาของการเห็นชอบร่วมกันตามหลักการทั่วไปฯ (General Principles of the Peace dialogue Process 2022) แล้ว น่าจะเข้าใจตรงกันในส่วนนี้” นายฉัตรชัย กล่าว
@@ 10 ปีพูดคุยสันติสุขฯ เชื่อมั่นคู่เจรจาคือตัวจริง
ในประเด็นที่บางฝ่ายยังสงสัยการพูดคุยกับทางบีอาร์เอ็นที่ดำเนินการอยู่ ใช่คุยกับตัวจริงหรือไม่นั้น นายฉัตรชัย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ชุดปัจจุบัน และร่วมอยู่ในคณะพูดคุยฯทุกชุดตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา กล่าวว่า คณะพูดคุยฯของรัฐบาลได้ใช้กระบวนการประสานงานและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทางขบวนการ ซึ่งในอดีตขบวนการอาจไม่กล้าเปิดตัว เพราะไม่มีความไว้วางใจว่ารัฐบาลจะคุยจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังรัฐบาลไทยมีนโยบายพูดคุยสันติสุขอย่างจริงจัง โดยยืนยันหลักประกันความปลอดภัย ยืนยันความต่อเนื่องของการพูดคุยสันติสุข/สันติภาพ และยืนยันว่าการพูดคุยสันติสุขเป็นวาระแห่งชาติ ตลอดจนสร้างความมั่นใจแก่บีอาร์เอ็น โดยรัฐบาลอนุญาตให้มี “ผู้เชี่ยวชาญ” เพื่อเข้ามา “สังเกตการณ์” และให้คำแนะนำต่อกระบวนการพูดคุยฯ ตามที่คู่พูดคุยจะขอความเห็นเป็นรายกรณี
โดยผู้สังเกตการณ์นี้มีส่วนร่วมในนามบุคคล ไม่ใช่ผู้แทนรัฐบาลหรือองค์กรใดๆ ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เขามั่นใจขึ้นและพร้อมที่จะมาคุยกับคณะพูดคุย
“ผมเชื่อมั่นจากประสบการณ์ 10 ปี บุคคลที่เข้าร่วมการพูดคุยฯ เป็นตัวจริงและมีบทบาทสำคัญ แต่ในความเห็นของผมเรื่องตัวจริงตัวปลอม เราควรก้าวข้ามไปได้แล้ว และมันชัดเจนมากจากความจริงใจของภาครัฐต่อการปฏิบัติต่อกลุ่มขบวนการในการพูดคุย แม้จะมีจุดที่ยังไม่ลงตัวในเชิงเนื้อสารัตถะที่ต้องเจรจา แต่ในเรื่องความเชื่อมั่น ผมคิดว่ามากพอสมควร” นายฉัตรชัยย้ำ
@@ ยังมีคำถามหลังถกบีอาร์เอ็น รัฐบาลเห็น JCPP หรือยัง
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า นายฉัตรชัยชี้แจงว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับทราบและเห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วม JCPP แล้ว แต่ในคำสัมภาษณ์เป็นการระบุทำนองว่า ได้นำรายละเอียดของแผนไปรายงานรัฐบาลก่อนไปพูดคุยกับบีอาร์เอ็น
แต่ประเด็นที่นักวิชาการบางรายตั้งคำถามกับคณะพูดคุยฯ เกี่ยวกับรายละเอียดของ JCPP ก็คือ หลังจากไปพูดคุยกับบีอาร์เอ็นมาแล้ว และมีรายละเอียดของแผนปฏิบัติการตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อบางแขนง รายละเอียดเหล่านี้ รัฐบาลของนายกฯเศรษฐาให้ความเห็นชอบหรือยัง เพราะมีการมองว่า รายละเอียดหลายเรื่องทำให้ฝ่ายรัฐบาลไทยเสียเปรียบ และอาจนำไปสู่ความยุ่งยากในอนาคต
@@ ศอ.บต.มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวแรงงานเมียนมาเหยื่อบึ้ม
วันเสาร์ที่ 23 มี.ค.67 ที่วัดแหลมนก ต.บานา อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มอบหมายให้ นางสาวเยาวภา อินชะนะ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมวางพวงหรีดเคารพศพ นางเมี้ย เมี้ย โซ อายุ 28 ปี สัญชาติเมียนมา ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ที่กำลังก่อสร้าง ในท้องที่หมู่ 2 ต.เกาะจัน อ.มายอ จ.ปัตตานี ซึ่งคนร้ายลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมันแห่งนี้กลางดึกของคืนวันที่ 21 มี.ค. ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 22 มี.ค. ซึ่งมีเหตุรุนแรงและเหตุก่อกวนเกิดขึ้นถึงกว่า 60 จุดตามการรายงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
โอกาสนี้ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุยให้กำลังใจพร้อมมอบเงินช่วยเหลือในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ ขณะที่เงินช่วยเหลือเยียวยากรณีเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามระเบียบ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ทายาท คือ บิดา และมารดา แบ่งเป็นเงินจำนวนเท่าๆ กัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
สำหรับพิธีฌาปนกิจศพ นางเมี้ย เมี้ย โซ จะจัดขึ้นในวันที่ 25 มี.ค.67 เวลา 12.30 น. ที่วัดแหลมนก