“บิ๊กต่าย” ปฏิบัติภารกิจแรกรักษาการ ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุป่วนใต้ พร้อมปรับมาตรการคุมเข้ม 10 วันสุดท้ายรอมฎอน ด้านเจ้าของบริษัทสหพันธ์การไฟฟ้าโอด อาคารเก็บสินค้าถูกไฟไหม้หนัก ยังประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้ ส่วนเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ อ.บันนังสตา เปิดใจหลังลูก-เมียรอดจากกองเพลิง
วันศุกร์ที่ 22 มี.ค.67 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เดินทางไปที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา เพื่อรับฟังสถานการณ์การก่อความไม่สงบ และจะได้ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมประชุมรับฟังสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุคนร้ายลอบเผาอาคารบริษัทสหพันธ์การไฟฟ้า ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า เตาและหัวแก๊สรายใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โดยมี พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) เดินทางไปด้วย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวหลังจากตรวจจุดเกิดเหตุว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้นำข้อห่วงใยของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มาถ่ายทอดให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับทราบ โดยหลังจากนี้จะได้พูดคุยหารือกับแม่ทัพภาค 4 และเจ้าหน้าที่เพื่อวางแนวทางบูรณาการร่วมมือในการป้องกันการเกิดเหตุในช่วงนี้ให้ดีที่สุด
จากการวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องต้น เชื่อว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิตประชาชน แต่เน้นสร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศเดือนถือศีลอด หรือเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ฉะนั้นจะได้หารือปรับแผนมาตรการต่างๆ ให้รอบคอบมากขึ้น เพราะจากการสังเกตุพบว่า คนร้ายอาศัยช่องว่างในช่วงกลางคืนก่อเหตุ โดยนำเรื่องขอศาสนามาเป็นข้อกล่าวอ้างแบบผิดๆ แม้ทุกฝ่ายจะวางมาตรการอย่างครอบคุลมแล้วก็ตาม
“ต้องดูแลประชาชนที่เดือดร้อนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ” รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ระบุ และว่า ฝ่ายตำรวจจะพยายามเน้นกระบวนการทางด้านกฎหมายในการเอาผิดคนร้ายต่อไป พร้อมกันนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมกันทำงานอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่จะเข้าสู่ 10 วันสุดท้ายของเดือนถือศิลอดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น
@@ เจ้าของ “สหพันธ์การไฟฟ้า” โอด ถูกไฟไหม้เสียหายหนัก
ที่บริษัท สหพันธ์การไฟฟ้า จำกัด ซึ่งจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และตั้งอยู่ภายในโรงงานบรรจุเเก๊ส ปตท.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา เป็นหนึ่งในจุดเกิดเหตุถูกคนร้ายวางเพลิงเผา ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และโครงสร้างอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก
จากการสอบถามคนงานชาวเมียนมา ทราบว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น.ได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 7 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกเข้ามาจับ รปภ. คือ นายบาราเฮง สะมะแอ อายุ 60 ปี และคนงานชาวเมียนมาอีก 1 คน มัดมือด้วยสายรัด ก่อนจะไปงัดประตูโรงงานแล้วเข้าไปวางเพลิงเผาด้านใน จนอาคารได้รับความเสียหาย ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุยังได้ชิงอาวุธปืนขนาด .38 มม. ของนายบาราเฮงไปด้วย
หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้แจ้งหน่วยดับเพลิงเข้ามาฉีดน้ำควบคุมเพลิงในที่เกิดเหตุ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ด้าน “เฮียตี๋” เจ้าของบริษัท สหพันธ์การไฟฟ้า จำกัด กล่าวว่า หลังเข้าตรวจสอบพบว่า โครงสร้างภายในอาคารได้รับความเสียหายทั้งหมด และยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิ เตาแก๊ส พัดลม หม้อหุงข้าวและอื่นๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
“เสียใจที่มาเกิดเหตุขึ้น เศรษฐกิจในพื้นที่ยะลากำลังฟื้นตัว ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง”
@@ ลูก-เมียร้านเฟอร์นิเจอร์รอดจากกองเพลิง
นายสานูฟลัน ฮาซัน เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ถูกลอบวางเพลิง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ภรรยาของผม วาเฟีย และซีฮาน (บุตรสาว) ได้รอดจากกองเพลิงตามประสงค์พระผู้เป็นเจ้า โดยที่ผมไปปฏิบัติงานในสวนทุเรียนยามค่ำคืน ปล่อยให้ภรรยาและบุตรสาวทั้งสองต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ยากจะยอมรับ ในช่วงนาทีชีวิตภรรยาทำได้เพียงคว้าบุตรสาววัย 2 ขวบ และ 6 เดือนออกมา ในเวลาต่อมากองเพลิงก็ได้พล่าทุกอย่างที่เป็นความฝัน ทรัพย์ กิจการธุรกิจเล็กๆ ของเราผัวเมีย มันยากจะประเมินความเสียหาย เราน้อมรับบททดสอบ และขอมอบหมายให้พระผู้เป็นเจ้าทรงชี้นำ”
นายอิสมาแอ (สงวนนามสกุล) ชาวบันนังสตา หนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตีหนึ่งกว่าๆ ชาวบ้านร้องตะโกนว่า เกิดไฟไหม้ จึงวิ่งออกมาดู ไฟลุกจนน่ากลัว มีทั้งเสียงระเบิดในกองไฟ คาดว่าน่าจะเป็นถังแก๊ส แต่ก็โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร ทุกคนต่างช่วยกันขนข้าวของที่อยู่ใกล้ๆ จุดเกิดเหตุออกมา
“ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่เมื่อเช้าเขาบอกว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ เขาก็ไม่ได้บอกว่าใครทำ แต่ก็เชื่อว่าเดี๋ยวก็ต้องมีชาวบ้านตกเป็นแพะ เพราะใครทำเราก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ทุกครั้งที่เกิดเหตุจะมีชาวบ้านในพื้นที่ตกเป็นแพะรับบาปทุกครั้งตลอด” นายอิสมาแอ กล่าว