รัฐบาลยังคงโหมข้อมูลด้านบวกและกระแสตอบรับการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยว และจุดประกายขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน
แม้ว่าการลงพื้นที่หนนี้จะถูกวิจารณ์และโจมตีจากพรรคคู่แข่งทางการเมือง และสื่อบางแขนงว่า ละเลยที่จะพูดถึงปัญหาของพื้นที่ในมิติความมั่นคง และกระบวนการพูดคุยสันติสุข
แต่โฆษกรัฐบาล และ สส.ชายแดนใต้ พรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาประสานเสียงว่า นี่คือแนวทางการแก้ไขปัญหาของนายกฯ ที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่า จะใช้การฟื้นเศรษฐกิจสยบปัญหาความมั่นคง
ขณะเดียวกันมีการส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวของสื่อมาเลเซียว่าสนับสนุนบทบาทของนายกฯเศรษฐา ในภารกิจลงพื้นที่ชายแดนใต้เช่นกัน
@@ “เศรษฐา”ล่องใต้-ไปกรือเซะ ส่งสัญญาณจริงใจต่อมุสลิม
โดยเมื่อเร็วๆนี้ สำนักข่าว Utusan TV ประเทศมาเลเซีย ได้เผยแพร่บทความในหัวข้อ "การเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลไทยที่มีต่อชาวมุสลิม"
สำนักข่าวแห่งนี้ขยายความว่า การปฏิบัติภารกิจของนายกฯเศรษฐา ได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความรุนแรง, ปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติ หรือปัญหาด้านสิทธิเสรีภาพ เช่น การแสดงอัตลักษณ์ท้องถิ่น โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการเข้าสู่เดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม หรือเดือนรอมฎอนเพียงไม่กี่วัน
บทความยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ที่ได้เยี่ยมชมมัสยิดกรือเซะ มัสยิดสำคัญใน จังหวัดปัตตานี โดยเหตุผลการเยี่ยมชมมัสยิดกรือเซะนั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์เมื่อปี 2547 เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียที่น่าเศร้า ไม่เคยได้รับการอนุมัติจากภาครัฐ ซึ่งโศกนาฏกรรม กรือเซะ-ตากใบ เมื่อปี 2547 คือ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่กลุ่มผู้แบ่งแยกดินแดนใช้สร้างความชอบธรรมในการสร้างเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
บทความระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน จังหวัดนราธิวาส คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ภาครัฐนั้นส่งเสริมกิจกรรมของศาสนาอิสลามโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ และพร้อมส่งเสริมและฟื้นฟูสันติภาพในพื้นที่
@@ ชู “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก”
เช่นเดียวกับ นายอิมเทียซ มุคบิล (Imtiaz Muqbill) บรรณาธิการบริหาร Travel Impact Newswire เผยแพร่บทความ “นายกรัฐมนตรีไทย นำเที่ยว ‘สันติภาพผ่านการท่องเที่ยว’ เยือนภาคใต้ประเทศไทย” หรือ Thai PM leads “Peace Through Tourism” visit to South Thailand”
ระบุว่าการลงพื้นที่ของนายกฯเศรษฐา เป็นการส่งสัญญาณของรัฐบาลไทยที่หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการปราบปราม และสอดคล้องกับนโยบายของประเทศที่จะยกระดับสถานะระหว่างประเทศ และส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยผ่าน “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” พร้อมยังสื่อสารไปยังทั่วโลกถึงการสร้างสันติภาพและความสามัคคีที่มีความสำคัญและยั่งยืนผ่านการท่องเที่ยวในประเทศไทย
นอกจากนั้น บรรณาธิการบริหาร Travel Impact Newswire ยังมองว่า ภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีความสงบ จะเป็นสะพานเชื่อมภาคใต้ทั้งหมดของอาเซียน ผ่านประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างมาเลเซีย และต่อไปยังสิงคโปร์ทางบก ทั้งยังเอื้ออำนวยต่อการค้า การขนส่ง การท่องเที่ยวระหว่างสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และภูมิภาคใน BIMSTEC ทั้งหมด (BIMSTEC ; กรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่าง 7 ประเทศในภูมิภาคอ่าวเบงกอล ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย)
@@ “ทวี” ยกย่องไปกรือเซะสุดหาญกล้า ผลลัพธ์ยิ่งกว่าพูดคุยสันติสุข
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ขอขอบคุณนายกฯเศรษฐา อาจเป็นคำขอบคุณแทนประชาชนที่นายกฯได้กรุณาลงพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งการไปครั้งนี้รัฐบาลมุ่งยกระดับการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และรัฐบาลมีความตั้งใจเข้ามาแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างจริงจัง
“ที่ผ่านมา มีนายกฯ เดินทางไปนอนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2547 กระทั่งมามีอีกครั้งคือ นายกฯเศรษฐา ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การไปครั้งนี้จะไม่มีด่าน อาจเห็นตำรวจบ้าง แต่ไม่มีทหารสวมเครื่องแบบ รวมถึงการเดินไปยังพื้นที่ต่างๆ ก็ไม่มีการ รปภ. เพราะนายกฯ ต้องการไปแบบประชาชนธรรมดา แสดงถึงความกล้าหาญของนายกฯ”
“ส่วนที่บางฝ่ายตั้งคำถามว่า เหตุใดนายกฯ ไม่มีการพูดเรื่องสันติภาพและสันติสุขนั้น เท่าที่ถามหัวหน้าคณะพูดคุยฯพบว่า การพูดคุยในช่วงรัฐบาลชุดนี้มีความก้าวหน้ามากที่สุดแล้ว ที่สำคัญการไปมัสยิดกรือเซะ สถานที่ที่มีบาดแผล มีการเสียชีวิต 34 คน และการเสียชีวิตรอบมัสยิดอีกนับร้อย การเข้าไปในสถานที่แห่งนี้แสดงถึงความกล้าหาญอย่างมาก ยิ่งกว่าการพูดคุยสันติภาพและสันติสุข เพราะสันติภาพและสันติสุข คือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีความหวัง ผมจึงไม่อยากให้ใช้วาทกรรมให้คนแก้แค้นกัน ซึ่งเป็นภาวะตรงข้ามกับคำว่าสันติภาพและสันติสุข แต่ต้องพัฒนาอย่างไรให้ความเสมอภาคเท่าเทียมเกิดขึ้น ยืนยันว่าการพูดคุยสันติสุข นายกฯ ให้การสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มที่”
@@ แม่ทัพยันนายกฯเน้นความปลอดภัยควบคู่พัฒนา ศก.
ด้าน พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวว่า ตลอดการลงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีก็ได้เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา
สำหรับปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยืนยันและขอให้เชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเรายึดหลักที่ว่า พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนจะต้องปลอดภัย ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจถึงบริบทของสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน