คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามดักโจมตีรถหุ้มเกราะ อส.ชคต.บ้านแหร อ.ธารโต ยะลา ขณะเดินทางกลับฐาน จนเกิดการยิงปะทะกันหลายนาที โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่รถยนต์ได้รับความเสียหาย สั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล หลังตกเป็นเป้าก่อเหตุถี่ยิบ
เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังนายกฯเศรษฐา ทวีสิน กลับจากลงพื้นที่ปลายด้ามขวานเมื่อปลายเดือน ก.พ.
โดยเมื่อเวลา 15.00 น.วันจันทร์ที่ 4 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธารโต รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามลอบโจมตีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดคุ้มครองตำบลบ้านแหร ( ชคต.บ้านแหร) อ.ธารโต จ.ยะลา เหตุเกิดบนถนนในพื้นที่บ้านปูโล๊ะสะนีแย หมู่ 4 ต.บ้านแหร
เบื้องต้นไม่มี อส.ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ทำเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถหุ้มเกราะของทางราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เป็นยานพาหนะ ได้รับความเสียหาย มีร่องรอยถูกกระสุนปืนบริเวณกระจกหน้า กระจกและประตูฝั่งคนขับ รวมถึงล้อรถยนต์ฝั่งคนขับทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ กำลังเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.บ้านแหร เดินทางด้วยรถยนต์หุ้มเกราะไปรับเสบียงที่ตัวอำเภอธารโต เสร็จแล้วกำลังเดินทางกลับฐานปฏิบัติการ เมื่อรถแล่นผ่านจุดเกิดเหตุ คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธปืนสงครามซุ่มโจมตี ทำให้ อส.ชคต.ยิงตอบโต้ จนเกิดการยิงปะทะกันนานหลายนาที ก่อนที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ และน่าสังเกตว่าเป็นการเร่งก่อเหตุหลังจากนายกฯจบภารกิจเยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
@@ สั่งเพิ่มความเข้มเฝ้าระวังฐาน ชคต.
หลังเกิดเหตุการณ์ดักซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.บ้านแหร ปรากฏว่ามีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เพิ่มความเข้มและความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยให้เน้นการตั้งจุดตรวจจุดสกัด และห้ามออกนอกที่ตั้ง ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการ หากมีความจำเป็นจะต้องออกปฏิบัติหน้าที่นอกที่ตั้ง ให้ประสานกับหน่วยกำลังในพื้นที่ในการร่วมปฏิบัติหน้าที่จนสิ้นสุดภารกิจ
นอกจากนั้น ยังมีการประเมินสถานการณ์ว่า เป้าหมายที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง คือ ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) รวมถึงหน่วยกำลังที่มีการระวังป้องกันต่ำ และเป้าหมายอ่อนแอ จึงได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ อส. มีความระมัดระวังในการเดินทางออกปฏิบัติหน้าที่ และไม่ประมาทต่อสถานการณ์