“สมศักดิ์ เทพสุทิน” สวมวิญญาณ “โคบาล” ประชุมด่วนสั่งรื้อโครงการโคบาลชายแดนใต้ หลังพบปัญหาอื้อ 6 รายการ ทั้งไม่ตรงปก อมโรค ไม่มีบัตรประจำตัวสัตว์ แถมสร้างคอกไม่แข็งแรง ฉะทำโครงการให้ชาวบ้านมีรายได้ ไม่ใช่เพิ่มภาระเกษตรกร จี้เปลี่ยนวัวทันที จัดระบบข้อมูลใหม่ ลั่นโครงการดี ห้ามยกเลิก ยกเทียบโครงการ “โคแสนล้าน” แฮปปี้ทุกฝ่าย
วันจันทร์ที่ 12 ก.พ.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และปศุสัตว์จังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมประชุมหารือวาระเร่งด่วนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หลังจากโครงการ “โคบาลชายแดนใต้” ที่ดำเนินการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดปัญหาร้องเรียนว่ามีการจัดหาโคไม่ได้คุณภาพส่งให้เกษตรกร เรียกว่า “โคไม่ตรงปก”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นต่อเนื่อง ซึ่งโครงการโคบาลชายแดนใต้นั้น ให้เลี้ยงโคในลักษณะของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตนจึงมองว่าเป็นโครงการที่ดี และได้ตอบกระทู้ในสภาไปแล้ว แต่เมื่อดำเนินโครงการมาก็พบว่ามีปัญหาในหลายประเด็น ทั้งพื้นที่ปลูกหญ้า รวมถึงการสร้างคอกกลาง เพราะการเลี้ยงรวมกัน มีคนขยันไม่เท่ากัน ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้จะมีต้นทุนสูง แต่เมื่อโครงการดำเนินมาแล้ว ตนก็ไม่มีแนวคิดที่จะยกเลิก แต่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวเปรียบเทียบกับ “โครงการโคแสนล้าน” ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่เจ้าตัวขับเคลื่อนผ่านกองทุนหมู่บ้าน และกำลังดำเนินการอยู่ เป็นการให้เงินประชาชนจำนวน 50,000 บาท และให้ชาวบ้านไปดำเนินการซื้อวัวกันเองโดย รองนายกฯสมศักดิ์ บอกว่า เรื่องการทุจริตจะไม่เกิดขึ้น เพราะชาวบ้านจะนำเงินไปหาซื้อวัวตัวเมียที่มีท้องติดมาตั้งแต่ต้น โดยชาวบ้านจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดด้วยตัวเขาเอง
นอกจากนั้นในโครงการโคแสนล้าน ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการไปสร้างคอกที่เป็นต้นทุน สามารถนำไปเลี้ยงแบบธรรมชาติได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้ต้นทุนของผู้เลี้ยงไม่สูง และไม่จำเป็นต้องเลี้ยงรวมกับใคร โดยจะทำให้โครงการเป็นส่วนหนึ่งของเกษตรกร
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ตนได้รับรายงานปัญหาของโครงการโคบาลชายแดนใต้แล้ว คือ
1.เกษตรกรบางกลุ่มได้รับโคแม่พันธุ์พื้นเมืองน้ำหนักไม่ถึง 160 กิโลกรัม ตามที่กรมปศุสัตว์ กำหนด แต่ได้โคขนาดเล็กสุดที่มีน้ำหนักเพียง 95 กิโลกรัม
2.โคแม่พันธุ์พื้นเมืองบางตัวไม่แข็งแรง ไม่มีความสมบูรณ์ แม้เกษตรกรพยายามฟื้นฟูบำรุง 2-3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่พัฒนาขึ้น ไม่ยอมกินหญ้า คาดว่ามีปัญหาจากระบบอวัยวะภายใน
3.โคแม่พันธุ์พื้นเมืองที่เลี้ยงมานานกว่า 1 ปี ผสมเทียมแล้วไม่ติดลูก
4.โคแม่พันธุ์พื้นเมืองไม่มีเอกสารประจำตัวสัตว์ ทำให้ไม่ทราบแหล่งที่มา และไม่มีประวัติการตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบสืบพันธุ์
5.เรื่องของคอกกลางที่ไม่แข็งแรง แทบไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงโคแม่พันธุ์พื้นเมืองรวมกัน 50 ตัว
และ 6.สาเหตุที่เวลานี้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงโครงการได้คือ เกษตรกรไม่สามารถรวมกลุ่มสมาชิกที่มีอายุไม่เกิน 55 ปีได้ครบ 10 คน
"นี่เป็นเพียงปัญหาเบื้องต้น ดังนั้นวัวที่มีปัญหา ต้องเร่งประสานเปลี่ยนให้กับประชาชน โดยวัวที่จะรับเข้ามาใหม่และส่งมอบให้ประชาชน ต้องตรวจสอบให้ดี เราเอาวัวไปให้เขาสร้างรายได้ ไม่ใช่เอาวัวไปสร้างภาระให้เขามีปัญหามากกว่าเดิม ผมจึงขอให้ เลขาฯ ศอ.บต. ลงไปพูดคุยทำความเข้าใจ และบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วน พร้อมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น รวมถึงต้องมีการจัดทำข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้าน ติดตามการเลี้ยงของประชาชนให้มากขึ้น แล้วโครงการนี้จะสำเร็จ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อการดำเนินโครงการโคบาลชายแดนใต้มีปัญหา ก็ต้องมานั่งคุยกันว่า ใครจะทำหน้าที่ในส่วนไหน ไม่ใช่เรื่องของการทำงานเพื่อได้หน้า หรือโยนความผิดกันไปมาว่าใครรับผิดชอบแค่ส่วนไหน โดยเราต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ดูแลประชาชนด้วยความรัก อย่าปล่อยประชาชนทิ้งไว้ ซึ่งเมื่อเราเอาเงินของภาครัฐมา ก็ต้องทำให้ประชาชนอย่างเต็มที่ โดยกอดคอกันเดิน และระหว่างทางก็บูรณาการร่วมกัน ทั้งจังหวัด กระทรวงเกษตร และ ศอ.บต.
“การประชุมวันนี้ ไม่ได้ต้องการว่าใครผิดหรือใครถูก แต่เราต้องทำให้โครงการโคบาลชายแดนใต้ เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงที่สุด สร้างรายได้ และต้องแก้ปัญหาความยากจนในครัวเรือนของประชาชนให้สำเร็จ ดังนั้นการกลับมาประชุมครั้งหน้า ผมต้องการเห็นโครงการเดินหน้าไปด้วยทิศทางที่ดีขึ้น” รองนายกฯ สมศักดิ์ กล่าว