ป.ป.ช.ภาค 9 ชี้มูลความผิด นายก อบจ.คนดังปัตตานี “เศรษฐ์ อัลยุฟรี” ปมนำรถของทางราชการไปแรลลี่นำเที่ยว จอดที่บริษัทส่วนตัว
ความคืบหน้ากรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาว่า นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัตตานี นำรถของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และนำรถไปจอดไว้ในโรงจอดรถบัสของ บริษัท เซาท์สยามไอเอ็มที คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่ง นายเศรษฐ์ เป็นเจ้าของบริษัท และเป็นเจ้าของสถานที่ ทั้งยังได้จัดแรลลี่ท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ เหตุเกิดเมื่อราวๆ ปี 2560 โดยไม่เกี่ยวกับงานราชการนั้น
ล่าสุดมีข่าวเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดเรื่องนี้แล้ว
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบไปยังสำนักงาน ป.ป.ช ประจำจังหวัดปัตตานี ได้รับคำยืนยันว่า ข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องจริง แต่เป็นการไต่สวน ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 เพียงแต่ตำแหน่งหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาอยู่ใน จ.ปัตตานี ฉะนั้นรายละเอียดทั้งหมดต้องสอบถามทางสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช ประจำจังหวัดปัตตานี ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากเรื่องการใช้รถของทางราชการแล้ว ในส่วนของ ป.ป.ช.จังหวัดปัตตานี ยังได้สอบสวน นายกเศรษฐ์ อีกหลายกรณี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยหากมีความคืบหน้า จะแถลงต่อสาธารณะทันที
“ทีมข่าว” ได้พยายามติดต่อไปยังนายกเศรษฐ์ โดยโทรศัพท์เข้าเบอร์มือถือของนายก อบจ.ปัตตานี แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ฝากข้อความสอบถามข้อมูลทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ปรากฏว่าปลายทางมีการเปิดอ่านข้อความ แต่ไม่ได้ส่งคำตอบใดๆ กลับมา
จากการสอบถามเพิ่มเติมไปยังคนใกล้ชิดของนายกเศรษฐ์ ได้ข้อมูลว่า นายก อบจ.ปัตตานี น่าจะทราบเรื่องแล้ว และน่าจะเป็นเรื่องจริงที่มีการสอบสวน
ด้านประชาชนในพื้นที่ที่ทราบเรื่องนี้ เล่าว่า เรื่องนี้ดังมาก และรู้มาตลอดว่ามีการไต่สวนโดย ป.ป.ช.จริงๆ ข้อกล่าวหาคือนำรถของ อบจ. ไป จ.เชียงใหม่ เดินทางกันเป็นคณะใหญ่ คาดว่าหลังจากนี้จะมีคำแถลงหรือเอกสารอย่างเป็นทางการออกมา
@@ “นายกเศรษฐ์” ผูกขาด อบจ.ปัตตานี ชื่อนี้ไม่ธรรมดา!
นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี หรือที่ชาวปัตตานีเรียกกันติดปากว่า “นายกเศรษฐ์” เป็นนายก อบจ.ต่อเนื่องกันมาเป็นสมัยที่ 4 เรียกว่าผูกขาดเก้าอี้นี้มานานเกือบ 20 ปี แม้การลงสมัครทุกครั้งจะมีผู้ท้าชิง แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงสะเทือนให้นายกเศรษฐ์ได้เลย
ย้อนกลับไปการเลือกตั้งเมื่อปี 2555 นายเศรษฐ์ได้หมายเลข 2 และเอาชนะคู่แข่งอย่าง นายมะหามะ มะเด็ง หมายเลข 1 ไปแบบขาดลอย 139,482 ต่อ 91,869 คะแนน จากจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ ร้อยละ 61.54 โดยคะแนนของนายเศรษฐ์ เหนือคู่แข่งถึง 11 อำเภอจาก 12 อำเภอของปัตตานี มีเพียง อ.สายบุรี อำเภอเดียวเท่านั้นที่พ่ายแพ้ แต่ก็เฉียดฉิวแค่ 8 คะแนน
ส่วนการเลือกตั้งเมื่อปี 2551 มีผู้สมัคร 3 คน นายเศรษฐ์ได้หมายเลข 3 กวาดคะแนนไปทั้งหมด 98,854 คะแนน เอาชนะ นายอนุมัติ ซูสารอ ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งได้ 73,781 คะแนน และ นายอับดุลลาเตะ ยากัด หมายเลข 1 ที่ได้ไปเพียง 41,030 คะแนน จากจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ร้อยละ 60.53 โดยครั้งนั้นนายเศรษฐ์มีคะแนนเหนือคู่แข่ง 10 อำเภอ แพ้นายอนุมัติไปแค่ 2 อำเภอ คือ สายบุรี และปะนาเระ
ล่าสุดการเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อ 20 ธ.ค.2563 จ.ปัตตานี มีเขตการเลือกตั้ง 30 เขต มีหน่วยเลือกตั้ง 986 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 493,484 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 350,761 คน คิดเป็นร้อยละ 71.08 เปอร์เซนต์ ซึ่งผลการนับคะแนน ปรากฏว่า นายกเศรษฐ์ หมายเลข 2 ได้คะแนนถึง 201,086 คะแนน มากกว่าคู่แข่ง ผู้สมัครหมายเลข 1 นายรุสดี สารอเอง ที่ได้คะแนน 95,920 คะแนน มากกว่า 100,000 คะแนนเลยทีเดียว
ก่อนเลือกตั้ง สส. ซึ่งเป็นการเลือกตั้งใหญ่ระดับชาติ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 นายกเศรษฐ์ เปิดตัวสนับสนุนพรรคประชาชาติ ภายใต้การนำของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าและเลขาธิการพรรคในขณะนั้น โดยนายกเศรษฐ์ ออกงานและทำกิจกรรมร่วมกับ พ.ต.อ.ทวี บ่อยครั้ง และยังได้รับสิทธิจัดตัวผู้สมัคร สส.บางเขตของปัตตานีในนามพรรคประชาชาติด้วย