นายกรัฐมนตรีไทย-มาเลเซีย จับมือสานต่อเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเดินทาง และการท่องเที่ยว คาดเปิดใช้งานเต็มระบบปี 68
เมื่อเวลา 12.00 น.วันจันทร์ที่ 27 พ.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลงพื้นที่จุดเชื่อมรอยต่อถนนด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการเดินทางข้ามแดนในอนาคต โดยมีระยะทางรวม 850 เมตร
ความคืบหน้าฝั่งไทยอยู่ระหว่างการรื้อถนนเดิม และก่อสร้างถนนใหม่ ระยะทาง 575 เมตร ความกว้าง 4 ช่องจราจร คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ช่วงเดือน ก.ย.67 ส่วนทางมาเลเซีย ระยะทาง 380 เมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับแนวโน้มการเปิดใช้ด่านสะเดาแห่งใหม่ หลังมีการพูดคุยครั้งล่าสุดในการประชุม EWG หรือ การประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค (Expert Working Group ; EWG) เมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จะมีการสำรวจเส้นทางเชื่อมระหว่าง 2 ด่านให้มีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่าจะสามารถเปิดใช้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่อย่างเต็มระบบได้ ช่วงปี 68
การเปิดใช้ด่านศุลกากรแห่งใหม่ จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรแออัดบริเวณหน้าด่าน จะมีการจัดทำระบบคิวขึ้นมา เพื่อให้การขนส่งสินค้าผ่านแดนสะดวกมากขึ้น และจะนำระบบเอกซเรย์ หรือ Fast Scan ในการตรวจปล่อยสินค้ามาใช้ ซึ่งระบบ Fast Scan ถือว่าทันสมัยมาก เพราะสามารถเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์ โดยการขับรถบรรทุกสินค้าผ่านอุโมงค์สำหรับ Fast Scan เพื่อป้องกันและตรวจจับสินค้าต้องห้าม ทั้งยังจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการตรวจปล่อยสินค้าด้วย
ในส่วนการดำเนินการของด่านศุลกากรสะเดาแห่งเก่านั้น อาจจะเปิดควบคู่ไปกับด่านแห่งใหม่ เพื่อให้ดำเนินการกระจายรถได้ทั้งสองด่าน ทั้งรถขนส่งสินค้า และรถโดยสารของนักท่องเที่ยว ควบคู่กันไปอย่างเป็นระบบ จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้อย่างแน่นอน
นายกฯเศรษฐา เปิดเผยว่า ตั้งใจมาติดตามงานที่เคยหารือไว้กับมาเลเซีย ระหว่างการเดินทางเช้านี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบได้นำเสนอข้อมูลการลงพื้นที่ด่านสะเดา จ.สงขลา เพื่อเตรียมความพร้อมในหลายๆ ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการค้าชายแดน, การลงทุน, การท่องเที่ยว, การเกษตร, การแปรรูปอาหารฮาลาล และการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงคมนาคม ตลอดจนเรื่องความมั่นคง
“ผมเชื่อว่าการลงพื้นที่ในวันนี้ จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซียอย่างแน่นอน” นายกฯเศรษฐา กล่าว
สำหรับด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา เป็นด่านชายแดนทางบกสำคัญที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดของประเทศไทย โดยในปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 7,691 ล้านบาท เป็นรายได้ศุลกากร 1,720 ล้านบาท คิดเป็น 22% สูงกว่าประมาณการ 413 ล้านบาท
อีกทั้งด่านศุลกากรสะเดา มีมูลค่านำเข้า–ส่งออกสินค้า รวม 428,919 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน 15% ส่วนสถิติสินค้าผ่านแดนเข้า-ออกด่านศุลกากรสะเดา พบว่ามีสินค้าผ่านแดนขาเข้า จำนวน 29,747 ล้านบาท และผ่านแดนขาออก จำนวน 77,277 ล้านบาท รวมมูลค่า 107,024 ล้านบาท
ขณะที่สถิติผู้เดินทางเข้า-ออก ผ่านด่านพรมแดนสะเดา ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 30 ก.ย.66 มีผู้เดินทางเข้ามา จำนวน 5,358,270 คน รถส่วนบุคคล และรถบรรทุก จำนวน 656,401 คัน