มุสลิมปัตตานีกว่า 4,000 คน ร่วมละหมาดฮายัต พร้อมเรียกร้องอิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารต่อชาวปาเลสไตน์ วอนคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม หยุดกระทำต่อเด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเสาร์ที่ 4 พ.ย. 66 พี่น้องมุสลิมชาวปัตตานีกว่า 4,000 คน ได้ร่วมกันละหมาดฮายัตและขอดุอาเพื่อพี่น้องมุสลิมในปาเลสไตน์ ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี และองค์กรเครือข่ายสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ
มูลเหตุของการร่วมกันจัดกิจกรรมและปฏิบัติศาสนกิจร่วมกันครั้งใหญ่ ก็เนื่องจากในสถานการณ์อันรุนแรงระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ “เด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์” เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในพื้นที่ฉนวนกาซา
ดังนั้นมุสลิมซึ่งเชื่อในเรื่องของความเป็นพี่น้องมุสลิมและจิตเมตตาด้านมนุษยธรรมจึงไม่อาจอดทนอยู่เฉยได้ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีและองค์กรเครือข่ายได้จัดให้มีกิจกรรมการแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการทางทหารต่อเด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ด้วยการร่วมกันละหมาดฮายัตอย่างพร้อมเพรียงกันใน จ.ปัตตานี
รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้กับกลุ่มเครือข่ายในปัตตานีได้มีพื้นที่สาธารณะในการแสดงออกอย่างสันติวิธีและสร้างสรรค์ รณรงค์และสนับสนุนให้ยุติความรุนแรงในปาเลสไตน์ด้วยการละหมาดฮายัตร่วมกัน ดุอา ขอพร และกล่าวขอบคุณ พร้อมชูป้ายหรือธงสัญลักษณ์ของปาเลสไตน์
ในการละหมาดฮายัต นำละหมาดโดย ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี รวมทั้งนำขอดุอาให้เกิดสันติสุขในปาเลสไตน์ ปิดท้ายด้วยการอ่านแถลงการณ์ โดย นายชารีฟ สาอิ ตัวแทนเครือข่ายสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ- CAP (Civil Assembly for Peace) ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า
“ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอความสันติสุขจงประสบแด่ท่านทั้งหลาย แถลงการณ์ ชาวมลายูมุสลิมปาตานี / จังหวัดชายแดนใต้ ขอประณามรัฐอิสราเอลที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในฉนวนกาชา ปาเลสไตน์ ส่งผลให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ เด็กทารก และบุคลากรทางการแพทย์ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิตล้มตายจำนวนมากเป็นประวัติการณ์
เราจึงขอเรียกร้อง 3 ประการดังต่อไปนี้
1. ขอเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการปฏิบัติการเลวร้ายทันทีต่อประชาชนปาเลสไตน์
2. ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการกดดันทางการทูตต่ออิสราเอลเพื่อให้ยุติปฏิบัติการทางทหารอย่างเร่งด่วนที่สุด และให้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการทำสงคราม
3. ขอวิงวอนต่อพี่น้องประชาชาติมุสลิมทั่วทุกมุมโลก "โปรดอย่านิ่งเฉย" และช่วยกันสนับสนุน ช่วยกันดุอาให้แก่พี่น้องของชาวปาเลสไตน์”
นายชารีฟ กล่าวถึงการรวมตัวในครั้งนี้และอาจมีครั้งต่อไปอีกตามอำเภอต่างๆ ว่า เราเห็นการรวมตัวในวันนี้ของผู้นำศาสนา ผู้นำการศึกษา ภาคประชาสังคม หลังจากนี้จะมีการรวมตัวกันในระดับอำเภอต่อไป
หากปัญหาการสู้รบยังคงอยู่ การเรียกร้องและการออกมารวมตัวก็จะมีมาเรื่อยๆ รัฐบาลไทยยังรักษาความเป็นกลาง หากเป็นไปได้ในฐานะที่เป็นรัฐต้องมีการกดดันเพื่อให้ประชาชนได้เคารพ ให้เป็นไปตามกฎที่ลงนามไว้ ปัญหาคือรัฐบาลก็ยังยอมรับความเป็นรัฐบาลของอิสราเอลที่มาอย่างไม่ถูกต้อง โดยการยึดครองแผ่นดินปาเลสไตน์ เราเรียกร้องคือ ไม่ยอมรับความเป็นรัฐบาลของเขา
ฟุตรอ วานิ จาก อ.มายอ บอกถึงการมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เสียใจกับสิ่งที่พี่น้องปาเลสไตน์ได้รับผลกระทบและเสียชีวิตทุกวัน เรามาแสดงจุดยืนว่าเราไม่เห็นด้วย
เช่นเดียวกับกลุ่มเยาวชนจาก อ.หนองจิก ที่บอกความในใจของพวกเขาว่า “พวกเรามาเพื่อบอกว่า ใจเรารู้สึกเหมือนที่พี่น้องปาเลสไตน์ที่โดนกระทำ อิสราเอลทำกับพวกเขาเหมือนไม่เป็นมนุษย์ด้วยกัน เราจะร่วมต่อสู้ไปกับเขา ถ้าไปรบได้ก็จะไป กองทัพไทยกำลังนอนอยู่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่เป็นเรื่องของมนุษยธรรม”