ความน่าสนใจของเหตุคาร์บอมบ์สุไหงโก-ลก ที่ไม่ควรมองข้าม...
1.คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ถังแก๊ส ติดตั้งในรถยนต์ ทำเป็น “คาร์บอมบ์” โดยไม่ได้ใช้ระเบิดถังแก๊สลูกเดียว แต่ใช้ถึง 2 ลูก แสดงว่าต้องการให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ใครได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด วินาทีระเบิด จะเห็นว่าอานุภาพระเบิดรุนแรงมาก รถพังไม่เหลือซาก นี่แค่ระเบิดลูกเดียว เพราะอีกลูกหนึ่งกระเด็นออกมาจากรถ ไม่ระเบิด เจ้าหน้าที่มาเจอตอนตรวจจุดเกิดเหตุ ลองคิดดูว่าถ้าระเบิดทำงานทั้งสองลูก จะร้ายแรงขนาดไหน
2.จุดที่คนร้ายนำรถคาร์บอมบ์ไปจอด คือกลางสี่แยก ใกล้รางรถไฟ ซึ่งหากมีผู้สัญจรผ่านไปมาพอดี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถไฟก็ตาม ต้องมีความสูญเสียขนาดใหญ่เกิดขึ้นตามมาแน่นอน
3.การจอดรถคาร์บอมบ์ทิ้งกลางสี่แยก แสดงถึงความอุกอาจ ใจถึงของคนร้าย สะท้อนว่าน่าจะมาจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงกล้าทำขนาดนี้ และรู้กันดีว่า เส้นทางในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยเฉพาะสี่แยก มีกล้องวงจรปิดแน่นอน แต่คนร้ายไม่หวั่นเกรงใดๆ
4.คนร้ายไม่ได้มีทีมเดียว แต่แบ่งถึง 3 ทีม แยกกันไปยิงฐานปฏิบัติการ เพื่อโจมตีแทรกซ้อน และป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ออกมาช่วยหลังเกิดระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่ลังเลที่จะเร่งออกมาระงับเหตุ ส่วนอีกทีมหนึ่งไปดักปาไปป์บอมบ์
5.ยุทโธปกรณ์ที่เตรียมมา ครบหมด ทั้งปืน ระเบิดเล็ก คือไปป์บอมบ์ และระเบิดใหญ่ คือคาร์บอมบ์ มีทีมพาหนีเรียบร้อย และหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ก่อเหตุกลางเมือง
6.ตำรวจบอกว่า ปฏิบัติการของคนร้าย ไม่ได้มุ่งหวังเอาชีวิตใคร เป็นแค่การข่มขู่
7.ตำรวจรู้ได้อย่างไรว่า คนร้ายไม่ได้มุ่งหวังเอาชีวิตใคร ที่ว่าแค่ข่มขู่ ต้องการขู่ใคร มีประเด็นอะไรให้ข่มขู่ในช่วงนี้
เพราะเหตุการณ์เดียวที่ร้ายแรงและเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือเกิดก่อนคาร์บอมบ์ 7 วัน ก็คือเหตุโกดังพลุ ดอกไม้ไฟ ระเบิดที่ตลาดมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก เช่นกัน ซึ่งมีการเชื่อมโยงเรื่องเครือข่ายส่วย สินบน และธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ มีตำรวจถูกย้าย มีการสอบสวนเกี่ยวกับวงจรส่วย
หรือว่านี่คือสิ่งที่คนร้ายต้องการข่มขู่ แสดงว่าเป็นฝีมือของผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับส่วย ธุรกิจผิดกฎหมาย ที่เรียกรวมๆ ว่า “ภัยแทรกซ้อน” หรือไม่ อย่างไร
8.ปฏิบัติการของคนร้ายไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อความไม่สงบที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน ใช้ยุทธวิธีเดียวกัน แผนประทุษกรรมคล้ายกัน เป็นไปได้หรือไม่ที่ในพื้นที่แบบนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน มีธุรกิจสีเทาเบ่งบาน จะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มธุรกิจมืด กับกลุ่มก่อความไม่สงบที่อ้างอุดมการณ์แยกดินแดน
9.ขบวนการนี้อาจจะใหญ่กว่าที่คาด เพราะมีอีกกลุ่มหนึ่งลอบวางระเบิดใน สภ.เมืองยะลา ตรงจุดเก็บรถของกลางคดีจราจรของโรงพัก โชคดีมีผู้พบเห็น และแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้ได้ทัน
ระเบิดลูกนี้ หากปล่อยให้ทำงาน จะสร้างความเสียหาย และทำลายความน่าเชื่อถือของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างมาก
10.ปีที่แล้วมีการสั่งย้ายอดีตนายอำเภอสุไหงโก-ลก (ช่วงที่ถูกย้ายเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.) และผู้การตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ย้ายคนละห้วงเวลา) ด้วยข้อกล่าวหาคล้ายๆ กัน คือมีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์หรือช่วยเหลือดูแลกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด
ย้ายไปแล้วก็ไปรับตำแหน่งที่อื่น ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย แต่ย้ายไปไม่นาน โดยเฉพาะกรณีผู้การนราธิวาส ก็มีเหตุ “คาร์บอมบ์” เกิดขึ้นที่แฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง
คาร์บอมบ์ 2 ลูกล่าสุดในพื้นที่ชายแดนใต้ เกิดขึ้นเดือน พ.ย.65 หรือปลายปีที่แล้ว กับ 5 ส.ค.ปีนี้ ล้วนอยู่ในพื้นที่นราธิวาส ท่ามกลางหมอกควันแห่งแดนสนธยา