เกมตั้งรัฐบาลกำลังพลิก...
เก้าอี้นายกฯกำลังจะหลุดมือจากพรรคก้าวไกลอย่างสมบูรณ์ และพรรคเพื่อไทยกำลังฉวย “จังหวะ 2” ชิงเป็นแกนนำตั้ง ครม.ใหม่
แม้หน้าฉากจะยังพยายามชื่นมื่น “8 พรรค” แต่ตามเกมที่รู้กันก็คือ เพื่อไทยมีแนวโน้มจะสลัดก้าวไกลทิ้ง เพราะมีความจำเป็นทางการเมืองที่พัวพันกันอยู่
โดยเฉพาะ “คนแดนไกล” ต้องการกลับบ้าน จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ “ผู้มีบารมีฝ่ายต่างๆ” เชื่อมั่น ไว้ใจ
จึงไม่แปลกที่มีการการปลุกผี ขุดหลักฐาน “ดีลลับลังกาวี” ขึ้นมาเปิดประเด็นอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ มีการวางแผนเตรียมการ “เขียนสคริปต์” กันมาล่วงหน้า
หนนี้ผู้ทำหน้าที่เปิดโปงคือเพจ CSI LA โชว์ภาพที่อ้างบุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองและสถาบันหลักของชาติอย่าง “บิ๊กแดง” พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ไปปรากฏตัวที่เกาะลังกาวี
ว่าแล้วก็โยง “คนแดนไกล” กับนักธุรกิจด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของประเทศ ซึ่งลือกันว่าเป็นสปอนเซอร์ให้พรรคการเมืองกลุ่มอำนาจเก่าพรรคหนึ่ง (หรือหลายพรรค) นัดพูดคุยกับ “บิ๊กแดง” ช่วงก่อนเลือกตั้งไม่นาน เพื่อให้เกิดเรื่องราวที่ปรากฏหลังการเลือกตั้งอย่างที่เห็นและเป็นอยู่นี้
แต่ภาพที่นำมาเปิด มีแค่ฝ่าย “บิ๊กแดง” ฝ่ายเดียว ไม่มีภาพ “คนแดนไกล” หรือนักธุรกิจด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ร่วมเฟรมด้วย
การเปิดภาพเพียงเท่านี้ (จริงๆ อาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้) แล้วเขียนบรรยายเพิ่ม ก็สามารถโยงให้คนอ่าน ผู้รับสาร รับรู้ได้ แม้อาจไม่มีหลักฐานอื่นก็ตาม และไม่ว่าข้อมูลนั้นจะจริงหรือไม่ก็ตาม
ท่ามกลางกระแสที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าข้อมูลและภาพถ่ายที่นำมาเปิดเป็นของจริง หรือ “จับแพะชนแกะ” เพราะช่วงปลายเดือน พ.ค.66 หลังเลือกตั้งไม่กี่วัน คือระหว่างวันที่ 23-27 พ.ค. ที่ลังกาวีมี “นิทรรศการการบินและการเดินเรือ” หรือ LIMA 2023 ซึ่งมีการโชว์อาวุธพอดี
ข่าวว่าในงานนั้นมีนายทหารยศพลเอกในราชการจากฟาก ทบ. หรือ กองทัพบก เดินทางไปด้วย
@@ เปิด 5 ประเด็น “คนใกล้ชิด บิ๊กแดง” แจงดีลลังกาวี
แต่ปรากฏว่าเรื่องราวเกิดกลับตาลปัตร เพราะมีการเช็คข่าว “คนใกล้ชิด บิ๊กแดง” ได้รับคำชี้แจงว่า “บิ๊กแดง” เดินไปทางเกาะลังกาวีจริง แต่ไปในภารกิจอื่นที่ไม่ใช่การเมือง แถมไม่ได้เกี่ยวข้องกับงาน LIMA 2023 ด้วย
สรุปประเด็นคำชี้แจงของ “คนใกล้ชิด บิ๊กแดง" ได้ดังนี้
1.เดินทางไปไปเกาะลังกาวีจริง เมื่อวันที่ 5-7 พ.ค.66 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในทางการเมือง และไม่ได้ไปพบ “คนแดนไกล” หรือ อดีตนายกฯทักษิณ (ห้วงเวลาที่เดินทางไป ไม่ใช่ช่วงที่จัดงาน LIMA 2023)
2.เป็นการไปพบปะแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่มีการนัดหมายไว้
3.เปิดช่องทางสื่อสารอีกทางหนึ่งเพื่อคลี่คลายปัญหา และสนับสนุนให้การพูดคุยเดินหน้าไปได้ด้วยดี เพราะการดำเนินการของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ชะลอออกไป เนื่องจากทางกลุ่มขบวนการรอให้ฝั่งไทยมีรัฐบาลใหม่ก่อน
4.”บิ๊กแดง” สนใจปัญหาไฟใต้ตั้งแต่ยศพันเอก และมีสายข่าวอยู่ เคยเดินทางไปอาเจะห์ ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา มีคอนเนกชั่นส่วนตัว
5.พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางร่วมคณะไปด้วย และได้ติดตามการแก้ปัญหาชายแดนใต้มาตลอด พร้อมทำงานร่วมกับ พลเอกอภิรัชต์
@@ พูดคุยสันติสุขฯ หยุดชะงักจริงหรือ?
ไม่รู้ว่าเป็นตลกร้ายหรือไม่ เพราะทันทีที่ “คนใกล้ชิดบิ๊กแดง” ออกมาชี้แจงว่า อดีต ผบ.ทบ.คนดัง ต้องเดินทางไปลังกาวี เพื่อช่วยเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ หวังคลี่คลายปัญหาไฟใต้ เนื่องจากกระบวนการพูดคุยของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นไม่คืบหน้า เพราะฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบรอให้ฝั่งไทยมีรัฐบาลใหม่เสียก่อนนั้น
ปรากฏว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.ค.66 พลเอกวัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ของรัฐบาล ได้เปิดวงประชุมกับคณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) ที่โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เดินหน้ากระบวนการพูดคุยต่อเนื่อง โดยมีตัวแทนฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างคึกคัก คับคั่ง รวมถึงผู้นำศาสนาทั้งพุทธและมุสลิม
พลเอกวัลลภ ยังให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้กำหนดกรอบนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ชัดเจนทุกระดับ โดยจัดเป็นนโยบายระดับชาติที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมบูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ต้องพัฒนาการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม
เช่นเดียวกับการจัดทำแผนปฎิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม หรือ JCPP ซึ่งเป็นประเด็นที่ตกลงกับฝ่ายบีอาร์เอ็นบนโต๊ะพูดคุย ก็ต้องมีการสานต่อ เพื่อบรรลุฉันทามติในการยุติความขัดแย้ง และนำไปสู่สันติสุขที่ถาวรในพื้นที่ต่อไป
@@ คุ้ยข้อมูลลับลังกาวี วันนี้ยังมีกลุ่มป่วนใต้นัด “บิ๊กแดง” ?!?
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่า “เกาะลังกาวี” มีส่วนเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทยในการแก้ไขปัญหาไฟใต้จริง เพราะเคยเป็นสถานที่ “พูดคุยเจรจาดับไฟใต้” เกือบประสบความสำเร็จ เมื่อปี 2548-2549 ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร ช่วงที่ไฟใต้ปะทุขึ้นใหม่ช่วงปีแรกๆ (หลังปล้นปืนครั้งมโหฬาร 413 กระบอก เมื่อปี 2547)
คนกลางในการเจรจา คือ ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด ซึ่งขณะนั้นเพิ่งลงจากตำแหน่งนายกฯของมาเลเซียสมัยแรกได้ไม่นาน และเป็นช่วงรัฐบาลทักษิณ ซึ่งไฟใต้เป็นปัญหาความมั่นคงใหญ่ที่สุดในช่วงนั้นพอดี
การเจรจาที่ลังกาวี สื่อมวลชนที่ทราบข่าวเรียกขานกันว่า “ดีลลับลังกาวี” หรือ “เจรจาลับดับไฟใต้ที่ลังกาวี” กล่าวได้ว่า ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด เป็น "โต้โผใหญ่" ตัวจริง และ “เกาะลังกาวี” ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามัน อยู่ในเขตของรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูลของไทยเพียงแค่ 4 กิโลเมตร เป็นบ้านเกิดของ ดร.มหาธีร์
การเจรจาในเวลานั้น ดร.มหาธีร์ ยังมีบารมีสูงมาก สามารถระดมแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งพำนักอยู่ในมาเลเซีย หลายกลุ่ม หลายขบวนการ มารวมตัวพูดคุยเจรจาได้ทั้งหมด โดยตัวแทนฝ่ายไทย คือ พลเอกไวพจน์ ศรีนวล อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม (ขณะไปร่วมเจรจา ครองยศ พลโท)
ส่วนฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เข้าร่วมเจรจา นำโดย ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ประธานกลุ่มเบอร์ซาตู พร้อมด้วยแกนนำอีกหลายขบวนการ รวมถึงบีอาร์เอ็นครองเกรส
แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเกือบ 20 ปีมาแล้ว ปัจจุบัน ดร.มหาธีร์ ไม่มีบารมีแบบนั้นแล้ว ล่าสุดแพ้เลือกตั้งอย่างหมดรูปในบ้านเกิดของตัวเอง ในวัยกว่า 90 ปี หลังจากลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรอบ 2 เมื่อปี 63
ขณะที่แกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ร่วมเจรจา และจัดทำ “ข้อตกลงสันติภาพ” จาก Langkawi Peace Talk ในครั้งนั้น ก็เสียชีวิตไปแล้วหลายคน โดยเฉพาะ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ประธานใหญ่เบอร์ซาตู องค์กรร่มของขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเดือน มี.ค.65 จึงไม่แน่ชัดว่า “บิ๊กแดง” ไปเจรจากับใคร
ที่สำคัญ กลุ่มก่อความไม่สงบที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อสถานการณ์ไฟใต้ในรอบ 2 ทศวรรษมานี้ คือ ขบวนการบีอาร์เอ็น ไม่ใช่กลุ่มอื่น และขบวนการนี้ เป็น “องค์กรลับ” ไม่ได้เปิดตัวต่อสาธารณะ การพบปะพูดคุยกับฝ่ายไทย ต้องได้รับฉันทานุมัติจากแกนนำกลุ่ม
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากที่ “บีอาร์เอ็นตัวจริง” จะเปิดการเจรจากับฝ่ายไทยผ่านช่องทางอื่นที่ไม่ใช่โต๊ะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ และบีอาร์เอ็นเองก็ได้ประโยชน์จากโต๊ะพูดคุยฯแบบเปิดเผย เป็นทางการแบบนี้ เพราะเท่ากับได้ยกสถานะของกลุ่มขึ้นเป็น “คู่เจรจา” กับรัฐไทย ที่ผ่านมาบีอาร์เอ็นจึงพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยในทางลับกับเจ้าหน้าที่ทุกระดับของไทย
ยกเว้นว่า “บิ๊กแดง” ไปคุยกับกลุ่มอื่น เช่น พูโล (PULO) ซึ่งแกนนำบางกลุ่ม เช่น PULO MKP ติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทยแทบทุกระดับ แม้แต่สื่อมวลชนหลายแขนงก็ยังสามารถติดต่อและขอสัมภาษณ์ได้ แต่กลุ่มเหล่านี้แทบไม่ได้มีผลต่อสถานการณ์ไฟใต้ในปัจจุบันเลย
ฉะนั้นจึงน่าคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลสำคัญระดับ “บิ๊กแดง” จะไปคุยกับแกนนำกลุ่มขบวนการที่ไม่ได้มีผลต่อสถานการณ์ไฟใต้โดยตรง
หรือเจ้าตัวมีภารกิจอื่นที่บอกตรงๆ ไม่ได้...กันแน่?