พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ในช่วงใกล้ยุบสภา และใกล้วาระเลือกตั้งใหม่เต็มที
การเดินทางลงพื้นที่ในวันพุธที่ 15 มี.ค.66 แม้เป็นเวลาราชการและไปในฐานะนายกฯ แต่ก็ถูกมองอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นความพยายาม “หาเสียง - หาคะแนน” หรือไม่
การลงพื้นที่หนนี้ ควงแขนไปพร้อมกับ “คนใกล้ชิดล้วนๆ” ได้แก่ พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขุนพลภาคกลาง-ตะวันออกของพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คนสนิท และขุนพลภาคใต้ของรวมไทยสร้างชาติ
หมุดหมายมีทั้ง “สายมู” และตรวจราชการ พบข้าราชการ รวมถึงเปิดโครงการของ อบจ. หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส
เริ่มจากไปสักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล วัดเขากง อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด
จากนั้นเข้านมัสการ พระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 และเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา โดย “พระเทพศีลวิสุทธิ์” เป็นพระผู้ใหญ่ที่คนในพื้นที่ให้ความเคารพศรัทธา ไม่เว้นแม้แต่พี่น้องมุสลิม
การลงพื้นที่ทุกจุดมีข้าราชการระดับสูงรอต้อนรับ ทั้ง พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4, นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
ต่อจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านศุลกากรตากใบ เพื่อเป็นประธานเปิด “แพขนานยนต์” ที่ข้ามแม่น้ำโก-ลก ระหว่างด่านพรมแดนตากใบ (ด่านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส) กับด่านพรมแดนเป็งกาลันกูโบร์ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่ง อบจ.นราธิวาส ได้สนับสนุนงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 38,569,000 บาท ในการจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่ เพื่อทดแทนแพขนานยนต์ลำเก่าที่มีอายุใช้งานกว่า 20 ปี และมีสภาพทรุดโทรม ต้องหยุดให้บริการบ่อยครั้ง
พิธีเปิด “แพขนานยนต์” มีการเชิญ YAB DATO’BENTARA KANAN USTAZ DATO’HAJI AHMAD BIN YAKOB มุขมนตรีมาเลเซีย และคณะเข้าร่วมเป็นเกียรติด้วย
สำหรับแพขนานยนต์ลำใหม่นั้น มีขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว 21 เมตร ลึก 1.55 เมตร สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 30 คน บรรทุกยานพาหนะรถยนต์ ขนาด 2,500 กิโลกรัมต่อคัน ประมาณ 9 คัน ให้บริการบริเวณด่านพรมแดนตากใบ มีแม่น้ำ โก-ลก เป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยที่ หมู่ที่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ กับประเทศมาเลเซีย ด่านเป็งกาลันกูโบร์ รัฐกลันตัน โดยใช้เวลาในการเดินทางข้ามฟากประมาณ 10 นาที
@@ เปิด “แพขนานยนต์” ดัน ศก. - ชู “กุเลาเค็ม” สู่ตลาด ตปท.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างพบปะกับพี่น้องประชาชนที่เดินทางไปรอรับกว่า 800 คนว่า แพขนานยนต์ที่เปิดขึ้นใหม่นี้ จะทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกขึ้น การค้าขายก็จะดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งตรงจุดประสงค์ที่พี่น้องประชาชนต้องการ และเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ สามารถขยายผลไปสู่การกินดีอยู่ดี บ้านเมืองก็จะมีสันติสุข แต่ทุกคนต้องร่วมมือ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ดี
“ตากใบมีสินค้าลือชื่ออย่างปลากุเลาเค็ม ทุกหนทุกแห่งรู้จักรสชาติถึงความอร่อย เราจะทำอย่างไรให้ปลากุเลาเค็มมี จี.ไอ.พี. (ใบรับรองสถานที่ผลิตสำหรับนำเข้าอาหาร รับรองว่าผลิตภัณฑ์ตรงตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด) ที่สามารถส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ ถือเป็นตัวอย่างที่สามารถทำได้ แต่ทำอย่างไรจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถริเริ่มทำให้ไปสู่ความสำเร็จ นี่เป็นข้อคิดให้คนของทางราชการหัดคิดหัดทำ ประชาชนก็จะได้ประโยชน์” นายกรัฐมนตรี ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พิธีเปิดแพขนานยนต์ครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งในพื้นที่และชาวมาเลเซีย โดยทุกคนเชื่อว่า หลังจากนี้เศรษฐกิจในพื้นที่ ตลอดจนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อการค้าชายแดนให้คึกคักยิ่งขึ้น จึงอยากให้เร่งพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสต์ติกที่สำคัญรองรับ เพื่อสนับสนุนภาคเกษตร การค้า อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนราธิวาส เพื่อให้จังหวัดนราธิวาสจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางการค้าที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางต่อไปยังมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อพบปะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำศาสนาในเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการ
@@ เปิดเบื้องหลังนายกฯเลือกลงนราฯ - ดราม่าว่อน
การเลือกลงพื้นที่นราธิวาสของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหมวกอีกใบหนึ่งเป็น “สมาชิกและว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ” มีนัยการเมืองแฝงอยู่อย่างชัดเจน
1.การเลือกไปเปิดบริการ “แพขนานยนต์ลำใหม่” ข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่อำเภอตากใบ คือโครงการสร้างคะแนนเสียงของ อบจ.นราธิวาส ซึ่งวันนี้ นายก อบจ. คือ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน “บ้านใหญ่นราธิวาส” ได้ย้ายสำมะโนครัวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อยแล้ว
2.เมื่อ “นายก กูเซ็ง” เลือกอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ ทำให้พรรคนี้เตรียมใส่ตัวเลข ส.ส.ชายแดนใต้ได้เลย เพราะเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2548 “บ้านใหญ่ยาวอหะซัน” ไม่เคยพลาด เพียงแต่ว่าจะเลือกอยู่พรรคไหนแค่นั้นเอง ยกเว้นการเลือกตั้งปี 54 ที่ “ยาวอหะซัน” ถูกตัดสิทธิไปด้วย เนื่องจากพรรคชาติไทยที่เคยสังกัด ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
3.ความหวังของรวมไทยสร้างชาติ ผ่าน “นายก กูเซ็ง” ก็คือจะได้ ส.ส.กี่คน ทั้งในนราธิวาส และในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีเก้าอี้ ส.ส.รวม 13 ที่นั่ง เฉพาะนราธิวาส 5 ที่นั่ง
แต่ความท้าทายของ “บ้านใหญ่ยาวอหะซัน” ก็มีเหมือนกัน เพราะเดิมเคยเลือกอยู่พรรคกลางๆ หรือพรรคที่ไม่มีกระแสลบมากนักในพื้นที่ เช่น พรรคชาติไทย, ชาติไทยพัฒนา, ประชาชาติ และพลังประชารัฐ ทว่าการเลือกตั้งปี 66 พล.อ.ประยุทธ์ คะแนนนิยมตกหนัก และมีการสร้างกระแส “ไม่เอาพรรคทหาร - พรรคสืบทอดอำนาจ” ทำให้อนาคตของ “บ้านใหญ่ยาวอหะซัน” และพรรครวมไทยสร้างชาติ อาการหนักอยู่เหมือนกัน
การลงพื้นที่ของนายกฯ ก็มีดราม่าและเสียงวิจารณ์ตามมาไม่น้อยเช่นกัน
1.เน้นพบข้าราชการ และฐานเสียงของตัวเอง ไม่ได้พบปะเยี่ยมเยียนใกล้ชิดกับชาวบ้านทั่วไปมากนัก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านที่ชายแดนใต้เผชิญปัญหาทั้งความไม่สงบ เศรษฐกิจ ราคายางตกต่ำ และโรคใบยางร่วง
2.มีการ รปภ.หนาแน่นเกินเหตุ จนชาวบ้านมองว่า ถ้ากังวลกับความปลอดภัยมากขนาดนี้ก็ไม่ควรลงพื้นที่มา เรื่องนี้ดราม่าตั้งแต่ข่าวระดมรถหุ้มเกราะ รถกันกระสุนจากนายอำเภอทุกอำเภอไปให้คณะของนายกฯ ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว
3.ระหว่างการลงพื้นที่มีการใช้เฮลิคอปเตอร์บินอารักขา ทำให้ชาวบ้านยิ่งวิจารณ์
@@ ภูมิใจไทยเปิดเวทีนราธิวาสตลบหลัง
ช่วงค่ำวันเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยยังได้จัดกิจกรรมตลบหลัง เปิดปราศรัยที่ ชุมชนกำปงปายง ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ปรากฏว่ามีประชาชนไปร่วมรับฟังมากพอสมควร
ไฮไลต์คือการปราศรัยของ นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส 4 สมัย ซึ่งครั้งนี้เป็นแม่ทัพชายแดนใต้ของภูมิใจไทย ร่วมกับ “พี่ใหญ่” นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผอ.พรรค