"บิ๊กโจ๊ก" ตั้งโต๊ะแถลงแจ้งความดำเนินคดี “อดีตผู้การนราธิวาส-ผู้กำกับตากใบ” พร้อมพวก ปมช่วยผู้ต้องหาคดียาเสพติด อาวุธสงครามพ้นผิดแลกผลประโยชน์ แถมออก “บัตรเบ่ง” โชว์เจ้าหน้าที่เวลาถูกเรียกเข้าด่าน ผลสอบชี้ชัดข้อร้องเรียน “อัจฉริยะ” มีมูล พร้อมสั่งลงโทษทางวินัย “13 สีกากี” ด้านอดีตนายอำเภอสุไหงโก-ลกโดนด้วย ปมออกใบอนุญาตครอบครองปืนให้เครือข่ายแก๊งยา
วันพุธที่ 15 มี.ค.66 ที่ห้องสมาคมพนักงานสอบสวน ชั้น 1 สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้แถลงข่าวการดำเนินคดีอาญาและคดีทางวินัยกับอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, ผู้กำกับการ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส, ร้อยเวรกับพวก กรณีเรียกรับเงินช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดและอาวุธสงคราม
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ต.ค.65 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ยื่นหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอให้ตรวจสอบกรณีข้าราชการตำรวจในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับสินบนแลกกับการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดและอาวุธปืนสงครามเพื่อให้ไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งมีการออกบัตรแหล่งข่าว (บัตรเบ่ง) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ขบวนการยาเสพติด รวมทั้งคดีลอบฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และยังรวมถึงข้าราชการฝ่ายปกครองที่ให้ความช่วยเหลือในการออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.นราธิวาส ด้วย
หลังรับเรื่องร้องเรียน ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่ากรณีดังกล่าวมีมูลความจริงว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง และช่วยเหลือผู้ต้องหาตามพยานหลักฐานที่ได้รับจากนายอัจฉริยะ ทำให้ ผบ.ตร.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมี พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน
จากพยานหลักฐานที่ได้รับจากนายอัจฉริยะ มีการตั้งข้อสังเกตประกอบพยานหลักฐานไว้จำนวน 4 ประเด็น
ประเด็นแรก กรณีคดีลอบสังหาร ส.ต.ต.ธนกฤต ฤกษ์ดี เมื่อวันที่ 16 ก.ค.65 ขณะปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ ต่อมาจับกุม นายฮาฟิต (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี โดยผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า ได้รับการจ้างวานจาก นายชญานนท์ นิเถาะ อายุ 25 ปี แต่ พล.ต.ต.แวสาแม สาและ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กลับให้การช่วยเหลือจนนายชญานนท์ไม่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ประเด็นที่ 2 กรณีนายอำเภอสุไหงโก-ลก ให้ออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนให้กับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดโดยไม่ตรวจสอบประวัติ และออกให้กับบุคคลเดียวจํานวนหลายกระบอก โดยออกใบอนุญาตให้กับผู้ต้องหาสูงสุดถึง 3 กระบอกภายในวันเดียว ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า นายชญานนท์ผู้ต้องหารู้จักกับนายอำเภอสุไหงโก-ลก โดยจ่ายเงินค่าอำนวยความสะดวกให้กระบอกละ 5,000-10,000 บาท จำนวน 7 กระบอก รวมเป็นเงิน 40,000 บาท
ประเด็นที่ 3 กรณีที่ พล.ต.ต.แวสาแม กับพวก ให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหาให้พ้นจากการถูกดำเนินคดี จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.64 ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (กก.สส.ภ.จว.สงขลา) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันจับกุม นายอาชิ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี พร้อมกัญชาอัดแห่งรวม 128 กิโลกรัม ส่งดำเนินคดีที่ สภ.ตากใบ
ผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายชญานนท์ ให้ขนส่งกัญชาของกลางไปยังประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายเข้าค้นบ้านของนายชญานนท์ พบนายชญานนท์กับพวกรวม 6 คน พร้อมอาวุธปืนจำนวน 3 กระบอก เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.65 ต่อมาพนักงานสอบสวนกลับสั่งไม่ฟ้องนายชญานนท์กับพวก แต่สั่งฟ้อง 1 ในผู้ต้องหาเท่านั้น
จากการสืบสวนกรณีดังกล่าว ตรวจพบความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ต้องหา ทั้งในด้านการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ และเส้นทางการเงิน จึงเชื่อได้ว่ามีการช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นจากการถูกดำเนินคดี
ประเด็นที่ 4 กรณี พล.ต.ต.แวสาเม ออกบัตรแหล่งข่าว หรือ “บัตรเบ่ง” ซึ่งปรากฏชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของ พล.ต.ต.แวสาแม โดยจะใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ได้รับการอำนวยความสะดวกในกรณีถูกเรียกตรวจ ทำให้กลุ่มผู้ต้องหากล้าพกอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และก่อเหตุทำร้ายร่างกาย รปภ.โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก
ในคดีดังกล่าวพบว่า พนักงานสอบสวนถูกแทรกแซงดุลพินิจดำเนินการทางคดี โดย พล.ต.ต.แวสาแม โทรศัพท์สั่งการให้ปรับเปลี่ยนพฤติการณ์ทางคดี เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องหา พฤติการณ์ดังกล่าวของ พล.ต.ต.แวสาแม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.นราธิวาส ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบากมากขึ้น
ทั้ง 4 ประเด็นที่นายอัจฉริยะตั้งข้อสังเกต และมอบพยานหลักฐานให้กับคณะพนักงานสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริง ล่าสุดคณะพนักงานสืบสวนมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งทางอาญาและทางวินัย
โดยมีการดำเนินคดีอาญา 5 ราย ประกอบด้วย พล.ต.ต.แวสาแม สาและ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผู้กำกับการ สภ.ตากใบ, ร.ต.อ.นิมะอามิง วาเต๊ะ รองสารวัตรสืบสวน สภ.ตากใบ, นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร อดีตนายอำเภอสุไหงโก-ลก ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด, ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าพนักงานยุติธรรมกระทำการเพื่อจะช่วยเหลือบุคคลใดให้มีต้องรับโทษฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 157 และ 200 โดยมอบผู้แทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 เรียบร้อยแล้ว และในส่วนนายชญานนท์ ถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดและอาวุธปืน
ในทางวินัยมีมติให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจํานวน 13 นาย เป็นคดีวินัยร้ายแรง 3 นาย และคดีวินัยไม่ร้ายแรงจำนวน 10 นาย โดยคณะพนักงานสืบสวนได้ส่งรายละเอียดพยานหลักฐาน และรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กองวินัยพิจารณาข้อบกพร่องและดำเนินการทางวินัยแล้วเช่นกัน
สำหรับ พล.ต.ต.แวสาแม สาและ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส หลังเกิดเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจากนายอัจฉริยะ ถูก ผบ.ตร.ลงนามในคำสั่งโยกย้ายให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต่อมาเมื่อมีโผโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลนอกฤดู ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็มีชื่อ พล.ต.ต.แวสาแม ถูกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกฎหมายและคดี (ผบก.กมค.) ตำรวจภูธรภาค 1
ส่วน นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร อดีตนายอำเภอสุไหงโก-ลก ในช่วงก่อนที่จะมีเรื่องร้องเรียน ได้เข้าไปรักษาการในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จนเมื่อมีเรื่องร้องเรียน ได้มีคำสั่งย้ายเข้าไปช่วยราชการในกรมการปกครอง ต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในคดีพัวพันเว็บพนันออนไลน์และโดนข้อหาฟอกเงิน ล่าสุดย้ายไปเป็นนายอำเภอที่ จ.บึงกาฬ