ชายแดนใต้ระทึกอีก! มือมืดดอดฉกรถกระบะที่เจ้าของจอดติดเครื่องลงไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อกลางเมืองยะลา ตะลึงมีเด็กติดไปกับรถ 3 คน ยังดีคนร้ายปล่อยทิ้งระหว่างทางหลบหนี ข่าวสุดสับสน เป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือแค่โจรขโมยรถ สุดท้ายพบรถจอดทิ้งในพื้นที่บาเจาะ นราธิวาส
เหตุการณ์โจรกรรมรถที่สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับคนในพื้นที่ชายแดนใต้มาโดยตลอด เพราะมักมีการนำรถไปทำคาร์บอมบ์ ล่าสุดเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 13.39 น.วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุโจรกรรมรถ โดยคนร้ายเป็นผู้ชาย รถที่ถูกโจรกรมเป็นรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทันพลัส 4 ประตู สีขาว ป้ายทะเบียน ญผ 3672 กรุงเทพมหานคร
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า คนร้ายขโมยรถไปขณะที่เจ้าของรถจอดติดเครื่องยนต์เอาไว้ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาวิฑูรย์อุทิศ 10 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา โดยภายในรถมีเด็กอยู่ด้วย 3 คน เด็กทั้งหมดจึงติดไปกับคนร้าย เป็นเด็กชาย 1 คน เด็กหญิง 2 คน อายุระหว่าง 4-5 ขวบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดจับ และไล่ล่ารถที่ถูกโจรกรรม เนื่องจากเกรงว่าจะถูกนำไปทำคาร์บอมบ์ และที่สำคัญต้องช่วยเหลือเด็ก 3 คนออกมาจากรถ
ต่อมามีข่าวดีที่ทำให้ทุกคนโล่งใจ เมื่อคนร้ายได้ขับรถมุ่งหน้าไปในพื้นที่ ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ก่อนทิ้งเด็ก 3 คนไว้บริเวณแยกบ้านโต๊ะปาเกะ ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา และได้ขับรถมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ ต.ตะโละแมะนา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
ระหว่างการไล่ล่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า คนร้ายที่ขโมยรถน่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพมากกว่า เนื่องจากเลือกก่อเหตุในพื้นที่เขตเมือง ซึ่งยากต่อการหลบหนี ผิดวิสัยและวิธีการของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ล่าสุดเวลาประมาณ 20.52 น. เจ้าหน้าที่ได้พบรถกระบะที่ถูกคนร้ายโจรกรรมไป โดยรถถูกจอดทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ และอยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดี (ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด) เข้าตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
@@ แม่ทัพรุดเยี่ยมทหาร–ชาวบ้านบาดเจ็บเหตุบึ้ม-ยิงที่จะแนะ
เวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ที่ศูนย์แพทย์ทหารบกจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนแยก ค่ายกัลยาณิวัฒนา จ.นราธิวาส พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เข้าเยี่ยมอาการของ ส.อ.อภิสิทธิ์ หมัดสกุล กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิด ขณะเดินทางโดยรถยนต์เพื่อเข้าสนับสนุนและตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุระเบิดและซุ่มยิงชาวบ้านหาของป่า จนทำให้ได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต 1 นาย คือ ร.อ.ชินดนัย แร่ทอง เหตุเกิดบนถนนสายชนบท บ้านไอร์กรอส หมู่ 6 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
ต่อมาทีมแพทย์ได้ส่งตัว ส.อ.อภิสิทธิ์ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ส่วนพิธีรดน้ำศพ ร.อ.ชินดนัย จะจัดขึ้นที่วัดสุวรรณกร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.65 เวลา 11.00 น. และส่งศพที่ท่าอากาศยานปัตตานี อ.หนองจิก เพื่อไปตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเกิด จ.ตรัง โดยตลอดการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพ จะมีหน่วยต้นสังกัดรับผิดชอบดูแลให้การสนับสนุน และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ อย่างสมเกียรติ
จากนั้นเวลา 17.30 น. แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมและติดตามอาการบาดเจ็บของ นายดำ เทพจันทร์ แล นายประดิษฐ์ สาระวรรณ ซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ขณะกำลังขับรถจักรยานยนต์ออกหาของป่ากับพวก บริเวณเส้นทางรอยต่อ บ้านไอร์มือเซร์ หมู่ 9 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย คือ นายมงคล เพชรวงษ์ และได้รับบาดเจ็บอีก 2 คนดังกล่าว
ขณะเดียวกันได้เข้าเยี่ยม นายลุกมัง แว้ง เจ้าหน้าที่ อส.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มยิงขณะกำลังขับรถกระบะ เดินทางจาก อ.สุคิริน มุ่งหน้าเข้า อ.แว้ง โดยเมื่อขับมาถึงบริเวณฝายกั้นน้ำเส้นทางลงเขากรือซอ บนทางหลวงหมายเลข 4115 ได้ถูกซุ่มยิง กระสุนเจาะเข้าบริเวณหน้าอกซ้าย ได้รับบาดเจ็บ
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอบคุณและชื่นชมในความกล้าหาญของกำลังพลที่ทุ่มเทและเสียสละในภารกิจอย่างสุดกำลัง
โอกาสนี้ พล.ท.ศานติ ยังนำความห่วงใยจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก แจ้งให้กำลังพลและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งมอบกระเช้าเยี่ยมผู้ป่วย เงินช่วยเหลือและบำรุงขวัญให้แก่ผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ราย ทั้งทหารและพลเรือน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยต้นสังกัดดูแลเรื่องสิทธิและสวัสดิการโดยเร็ว และครบถ้วนตามสิทธิ
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย และให้ทุกพื้นที่เพิ่มความระมัดระวังและความเข้มงวด ประสานกำลังทุกภาคส่วนรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ต้องเพิ่มความระมัดระวัง