แม่ทัพภาค 4 คนใหม่ แถลงแผนเสริมสร้างสันติสุขปี 2566 เน้นขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สิ่งที่ดีอยู่แล้วทำต่อเนื่อง ส่วนที่ผิดพลาดนำมาเป็นบทเรียน แก้ไขให้ถูกทาง ตามแนวทาง “ศานติ สานต่อ ชายแดนใต้ สันติสุข”
พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) เป็นประธานการประชุมแถลงแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2566 เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมประชุมที่สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
@@ “ผู้นำชุมชน” แกนกลางร่วมปราบยา
พล.ท.ศานติ มีแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยได้จัดทำแผนเสริมสร้างสันติสุขประจำปีงบประมาณ 2566 ขึ้นภายใต้กรอบและนโยบายให้สอดคล้องกับรัฐบาล ขับเคลื่อนงานแผนงานด้านความมั่นคงควบคู่กับการพัฒนา โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหา ขจัดความหวาดระแวง และปฏิบัติตามแผนพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
“ต้องสร้างความสงบสันติที่ปราศจากเงื่อนไขที่เอื้อต่อการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่ายในพื้นที่ให้ดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา สร้างความมั่นคง ป้องกันและสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปัญหาของยาเสพติดที่เป็นทุกข์ของชาวบ้าน ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข ซึ่งต้องประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้นำชุมชนที่จะมาเป็นแกนกลาง เชื่อมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับคนในพื้นที่เข้าด้วยกัน และร่วมพัฒนาพื้นที่ สนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหา นำมาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตลอดจนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขที่แท้จริงภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง”
@@ พบเห็นสิ่งผิด แจ้งมา...พร้อมแก้ไข
โอกาสนี้ สมาชิกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้เข้าแสดงความยินดีกับ พล.ท.ศานติ ในโอกาสรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมแนะนำตัวเพื่อการทำงานอย่างราบรื่น โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้โอวาทแก่สื่อมวลชนชายแดนใต้ว่า
“ผมมาทำงานในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2542 เกือบ 23 ปีที่อยู่ที่นี่ มองตาพี่น้องสื่อก็รู้ใจกัน ผมให้ความสำคัญกับสื่อทุกพื้นที่ ยินดีให้ข้อมูลแก่พี่น้องสื่อ ถ้าไม่มีสื่อ พี่น้องที่อยู่ต่างพื้นที่ก็ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารแท้จริงจากพื้นที่นี้ ต้องมาช่วยกัน ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 สน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า) จะเป็นศูนย์กลางข่าวสารให้แก่สื่อทุกคน โทรหาผมได้ตลอดเวลา หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานไม่ถูกต้องก็ให้ช่วยบอกกล่าว เพื่อได้แก้ไขทันท่วงที สิ่งที่ผิดยอมรับความเป็นจริง ผิดพลาดต้องแก้ไข”
@@ ปิดล้อม...นานแค่ไหนก็ไม่บุก
พล.ท.ศานติ กล่าวต่อว่า สำหรับการปิดล้อมแต่ละครั้ง ไม่ได้ต้องการให้เกิดการปะทะ จะนานเท่าไหร่ก็จะไม่บุกรุกเข้าไป เว้นเสียแต่โดนกระทำก่อน ไม่มีนโยบายใช้กำลังและใช้อาวุธเข้าไปใช้ต่อผู้ที่ถูกปิดล้อม เจ้าหน้าที่ต้องอดทนอดกลั้นมากขึ้น ไม่ต้องการให้ใครเกิดการสูญเสียต่อชีวิต ให้มาต่อสู้ด้วยกฎหมายกันดีกว่า
เมื่อเกิดเหตุการณ์ปิดล้อม ปะทะขึ้น ต้องกันพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของสื่อ สื่อสารกันในเรื่องข้อมูล โดยมีศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ เป็นถังกลางและทันเหตุการณ์ ส่งข้อมูลเบื้องต้นที่ถูกต้องให้ ในการแถลงข่าวแต่ละเหตุการณ์เพื่อความถูกต้องต้องใช้ข้อมูลจากส่วนกลางคือศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ
“การใช้กำลังไม่สามารถทำให้พื้นที่สงบได้ ต้องใช้แนวทางการพูดคุย กระบวนการพูดคุยต้องทำต่อไป การบังคับใช้กฎหมายยังต้องทำเช่นกัน แต่ให้น้อยลง ต้องการให้มีการมอบตัวมากกว่า”
“ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนในพื้นที่ทำงานไปในแนวทางเดียวกันเพื่อให้พื้นที่นี้สงบ เข้าใจในสถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ขอให้มีการประสานงานกัน ใช้แนวทางของอดีตท่านแม่ทัพหลายท่านมาประยุกต์เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อดำเนินการ ดูแลความสงบสุขในพื้นที่แก่พี่น้องทุกศาสนิก เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น สื่อต้องช่วยกัน ก้าวไปด้วยกันเพื่อความสงบสุขของพื้นที่นี้” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
@@ ไม่มีนโยบายไล่ล่า
พล.ท.ศานติ ยังย้ำอีกว่า การลดการก่อเหตุ การดูแลประชาชนในพื้นที่ ป้องกันทุกเรื่อง ต้องบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย ผู้บังคับบัญชาต้องลงไปดูแลใกล้ชิดและทุ่มเทกับกำลังพลมากขึ้นในการตั้งรับ เรื่องการรุก เน้นการทำความเข้าใจให้กับพื้นที่มากขึ้น ลดการปะทะให้มากที่สุด หากปิดล้อมจะพยายามไม่ใช้กำลัง ไม่มีนโยบายไล่ล่า พร้อมให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและทางกฎหมาย
ส่วนเรื่องการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ได้พยายามลดอัตรากำลังลงทุกปี โดยปีที่ผ่านมาลดอัตรากำลังไป 4,000 อัตรา การผ่องถ่ายลด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในแต่ละพื้นที่ก็จะมีมากขึ้น ทั้งนี้อยู่ที่ความคิดเห็นของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน และสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย
@@ ตรวจปัสสาวะกำลังพล เริ่มที่แม่ทัพ
ขณะที่ปัญหายาเสพติด แม่ทัพ กล่าวว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน หากพบผู้เสพยา ต้องเข้าสู่กระบวนการการรักษาและบำบัด ผู้ค้าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดและต่อเนื่อง อยากให้ครอบครัวยอมรับหากมีสมาชิกในครอบครัวติดยา ต้องช่วยกันดูแล ป้องกัน รักษา อย่าปิดบัง ในส่วนของทหาร จะมีการตรวจปัสสาวะกำลังพลทุกนาย เริ่มจากแม่ทัพก่อน ไปจนถึงพลทหารทุกนายทุกหน่วย ถ้ามีปัสสาวะสีม่วงหรือเป็นผู้ค้าก็เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ทางกฎหมายต่อไป ซึ่งจะดำเนินการในเร็วๆ นี้