คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีพื้นที่ใดในประเทศไทยที่พระองค์เสด็จฯไปไม่ถึง” เป็นความจริงที่พสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศตระหนักรู้เป็นอย่างดี
เพราะตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชย์นั้น พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์ทุกพื้นที่ ไม่ว่าหนทางจะห่างไกล เข้าถึงยากสักเพียงใดก็ตาม
ไม่เว้นแม้แต่อำเภอ “ใต้สุดสยาม” อย่าง เบตง จังหวัดยะลา ติดชายแดนมาเลเซีย
17 กันยายน 2519 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯเยี่ยมราษฎรที่อำเภอเบตง ณ ศาลาประชาคมของอำเภอ และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับพสกนิกรที่มารอเข้าเฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด
หนึ่งในราษฎรที่มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อ 46 ปีที่แล้ว คือ นางกิ้มสี แซ่อึ้ง ปัจจุบันอายุ 85 ปี พำนักอยู่ที่บ้านริมถนนตัณฑ์วีระ ตำบลเบตง
“ทีมข่าวอิศรา” เดินทางไปหาคุณยายกิ้มสี แต่คุณยายเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน พูดไทยไม่คล่องนัก จึงขอให้ นายอนภัทร คุโณดม ผู้เป็นหลานชาย บอกเล่าถึงความประทับใจในครั้งกระโน้นที่ คุณยายกิ้มสี มาถ่ายทอดให้ลูกหลานฟังอยู่ตลอดหลายสิบปี
อนภัทร บอกว่า เมื่อคุณยายกลับจากรับเสด็จฯ ก็มาเล่าให้คุณแม่ฟังว่า ได้เห็นพระองค์ท่านอย่างชัดเจน พระองค์ท่านสิริโฉมงดงาม เรียบร้อย ทรงตรัสเบาๆ แต่พระองค์ท่านสนพระทัยอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพสกนิกร
พระองค์ตรัสแก่คณะผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯว่า ให้นำเรื่องราวดีๆ ในการอยู่แบบพอเพียง การดัดแปลงคุณค่าทางพืชผล นำไปใช้ต่อยอดให้ประชาชน ซึ่งทุกวันนี้ตนก็ได้นำพระราชดำรัสมาใช้ในการทำงาน และสอนสั่งลูกหลานต่อไป
“ตอนนั้นมีทั้งคุณยาย และคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ไปรับเสด็จฯในหลวง แล้วก็กลับมาเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ทรงไม่ถือพระองค์ ประชาชนเข้าไปเฝ้าฯได้อย่างใกล้ชิด แม้เมื่อ 46 ปีที่แล้ว การเดินทางเข้ามาที่เบตง นั้น หากมาตามเส้นทางคงใช้เวลาหลายวัน ประกอบกับเส้นทางเข้าเบตงในสมัยนั้นค่อนข้างลำบาก คดเคี้ยว และอันตรายมาก แต่พระองค์ก็ยังเสด็จฯมาพบพสกนิกรของท่าน ถึงแม้เบตงจะอยู่ไกล เป็นอำเภอใต้สุดแดนสยามก็ตาม และทรงพักที่ธนาคารมหานครในสมัยนั้น 1 คืน ปัจจุบันเป็นธนาคารกรุงไทย สาขาสุขยางค์ แล้วพระองค์ก็เสด็จฯกลับในช่วงสายของวันที่ 18 กันยายน ทำประชาชนชาวเบตงทั้งปวงปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้น”
อนภัทร เล่าให้ฟังอีกว่า ต่อมาตอนที่ตนอายุ 6 ขวบ คุณพ่อกับคุณแม่ได้พาตนไปรับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่เสด็จฯมายังอำเภอเบตง ในปี 2529 โดยเสด็จฯ มายังศาลาประชาคม เทศบาลเมืองเบตง
“คุณพ่อคุณแม่ได้พาผมไปรอรับเสด็จฯ เพื่อที่จะทูลเกล้าฯขอพระราชทานความช่วยเหลือ เนื่องจากผมเดินไม่ได้ แม้จะอายุ 6 ขวบแล้ว พอพระองค์ท่านได้เห็น จึงทรงรับเป็นคนไข้ของพระองค์ท่าน การรักษาใช้ระยะเวลาพอสมควร ปัจจุบันสามารถเดินได้ ซึ่งดีกว่าตอนอายุ 6 ขวบที่เดินไม่ได้เลย ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อุ้มมารับเสด็จฯ และหากพระองค์ไม่ได้ทรงช่วยเอาไว้ ทุกวันนี้คงจะเดินไม่ได้”
“ผมตื้นตันใจมาก อยากจะเข้าเฝ้าฯ เพื่อที่จะขอบคุณพระองค์ท่าน เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งพสกนิกร และเป็นแบบอย่างให้ประชาชน คอยอยู่เบื้องหลังให้ตลอดเวลา เมื่อมีปัญหา ทุกพระองค์จะทรงช่วยเหลือ ขอให้ทุกพระองค์ทรงพระเจริญ”